“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
คีเฟอร์ คืออะไร ? ดีต่อสุขภาพอย่างไร ชวนรู้จักเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและมากประโยชน์ชนิดนี้กัน !
ถ้าพูดถึงคีเฟอร์ บางคนอาจจะสงสัยและไม่ทราบว่ามันคืออะไร แต่ในหมู่คนที่รักสุขภาพแล้ว อาจจะรู้จักคีเฟอร์เป็นอย่างดี คีเฟอร์เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากนมเช่นเดียวกับโยเกิร์ต แต่มีความต่างกัน มีต้นกำเนิดมาจากตะวันออกกลาง คีเฟอร์นั้นมีประโยชน์ต่อร่างกายหลากหลายประการ ทั้งยังทำได้ไม่ยากและสามารถทำเองที่บ้านได้อีกด้วย คีเฟอร์ คืออะไร กันแน่ ? มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง มารู้จักให้มากขึ้นกันเลยค่ะ
คีเฟอร์ คืออะไร ? ดีต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง มาดูกัน !
คีเฟอร์ (Kefir) เป็นนมหมักประเภทเดียวกับโยเกิร์ต แต่ใช้จุลินทรีย์สำหรับหมักต่างชนิดกัน หากเป็นโยเกิร์ตจะใส่หัวเชื้อโยเกิร์ตลงไปหมักในนม แต่คีเฟอร์จะใส่สิ่งที่เรียกว่า “คีเฟอร์เกรนส์” ซึ่งเป็นเม็ดเล็กๆ เกาะติดกัน ลงไปในนม คีเฟอร์เกรนส์ประกอบไปด้วยแบคทีเรียและยีสต์หลายชนิด เมื่อหมักแล้วก็จะทำให้ได้เป็น คีเฟอร์ ที่เป็นนมหมักอีกประเภทหนึ่งนั่นเอง คีเฟอร์มีอีกชื่อหนึ่งคือ “บัวหิมะธิเบต” แต่ถึงแม้จะมีชื่อธิเบต แท้จริงแล้วมีต้นกำเนิดมาจากตะวันออกกลาง คำว่าคีเฟอร์ ตามรากศัพท์ภาษาตุรกีมีความหมายว่า “ความรู้สึกดี” เนื่องจากคีเฟอร์มีรสเปรี้ยวและมีแอลกอฮอล์อยู่เล็กน้อย เพียง 0.02 กรัมเท่านั้น ไม่เป้นอันตรายต่อร่างกาย เมื่อดื่มแล้วจะทำให้รู้สึกสดชื่น ทั้งยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายเลยค่ะ
คุณค่าทางโภชนาการของคีเฟอร์นั้น ประกอบไปด้วยสารอาหารหลายชนิด ทั้งกรดโฟลิก วิตามินบี 1 บี 2 บี 5 และ วิตามินซี แถมยังมีกรดอะมิโนจำเป็น ต่างๆ หลายชนิด ทั้ง ทรีโอนีน ไลซีน วาลีน ไอโซลิวซีน เมไทโอนีน ฟีนีลอะลานีน รวมถึงทริปโตเฟนอีกด้วย ประโยชน์ของคีเฟอร์ คืออะไรบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ
เกร็ดสุขภาพ : คีเฟอร์เกรนส์ (Kefir Grain) ประกอบไปด้วยจุลินทรีย์สองชนิด ได้แต่ ยีสต์และแบคทีเรียแลคติกที่อยู่ร่วมกันแบบพึ่งพาอาศัยกัน และยึดเกาะกันด้วยสารที่มีลักษณะเป็นเมือกเหนียวจนเกิดการก่อตัวขึ้นมาเป็นรูปร่าง มีสีขาวจนถึงเหลืองอ่อน โดยทั่วไปจะนิยมเลี้ยงคีเฟอร์เกรนส์ในน้ำนม ได้ทั้งนมวัว นมแพะ นมแกะ นมอูฐ นมกระบือ ทำให้ได้นมที่มีลักษณะข้นเป็นครีมคล้ายโยเกิร์ต มีเนื้อเนียนละเอียด มีรสชาติเปรี้ยว หวานเล็กน้อย แต่บางครั้งก็มีการทำคีเฟอร์ในน้ำนมถั่วเหลือง น้ำนมข้าว น้ำกะทิ น้ำผลไม้ หรือน้ำมะพร้าว ทำให้มีลักษณะคล้ายกับชาหมักหรือคอมบูชา
ชวนดูคุณประโยชน์ดีๆ ของคีเฟอร์ต่อสุขภาพ
1. ดีต่อระบบทางเดินอาหารของเรา
คีเฟอร์เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการหมัก จึงมีสิ่งที่เรียกว่า โพรไบโอติกส์ ที่ดีต่อลำไส้และระบบทางเดินอาหารของเราเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งจะช่วยเพิ่มจำนวนแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ ทำให้ลำไส้แข็งแรง ทั้งยังดีต่อระบบขับถ่าย และช่วยเพิ่มการทำงานของระบบย่อยอาหาร ช่วยให้ดูดซึมสารอาหารได้ดียิ่งขึ้น และลดการเกิดโรคลำไส้แปรปรวนได้แล้วคีเฟอร์ กินตอนไหนถึงจะดี ? การดื่มน้ำหมักคีเฟอร์ก่อนอาหารเช้าจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว และจุลินทรีย์ที่มีอยู่ในคีเฟอร์ยังช่วยกระตุ้นการขับถ่ายในตอนเช้าได้ดีอีกด้วย
2. ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุน
ในผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป มวลกระดูกจะเริ่มลดลง มีความเปราะบางมากขึ้น โดยเฉพาะผู้หญิง ดังนั้นจึงต้องเสริมแคลเซียมให้กับร่างกาย และคีเฟอร์ทีทำจากนมนั้นก็เป็นอาหารที่มีแคลเซียมสูง ทั้งยังอุดมไปด้วยวิตามิน D และวิตามิน K2 ที่ช่วยลดความเสี่ยงไม่ให้กระดูกของเราแตกหักได้ง่าย ทั้งยังสามารถเพิ่มมวลกระดูกในร่างกายให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น คีเฟอร์ คืออะไรที่สามารถบำรุงกระดูกและฟันของเราได้ดีเลยทีเดียวค่ะ
3. ดีต่อผู้ที่แพ้แลคโตส
ทราบหรือไม่ว่า ใครที่แพ้น้ำตาลแลคโตสในนมวัวนั้น สามารถรับประทานคีเฟอร์ที่ทำจากนมวัวได้ เพราะคีเฟอร์ที่ผ่านกระบวนการหมักทำให้สารอาหารเปลี่ยนแปลงจากน้ำตาลแลคโตสเป็นกรดแลคติก คีเฟอร์จึงมีน้ำตาลแลคโตสต่ำ เมื่อเทียบกับการดื่มนมวัวปกติ จึงเหมาะกับผู้ที่ไม่สามารถย่อยน้ำตาลแลคโตสในนมวัวได้
4. ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล
โพรไบโอติกส์ที่พบในคีเฟอร์อาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้ ซึ่งมีส่วนช่วยในการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด มีการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างที่มีน้ำหนักเกินและผู้ที่มีโรคอ้วนก่อนวัยหมดประจำเดือนจำนวน 75 คนได้ดื่มคีเฟอร์วันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 8 สัปดาห์ต่อเนื่องกัน มีระดับคอเลสเตอรอลโดยรวมและคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดีลดลง
5. ช่วยในการเสริมสร้างเม็ดเลือดแดง
ในคีเฟอร์มีกรดโฟลิก ซึ่งมีความสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดแดง โดยเฉพาะคุณสาวๆ ช่วงมีประจำเดือนต้องรับประทานอาหารที่มีกรดโฟลิกสูง กรดโฟลิกมีคุณประโยชน์หลายประการ ทั้งช่วยให้เจริญอาหาร แก้อาการอ่อนเพลีย ช่วยรักษาภาวะซีดหรือโลหิตจาง ทั้งยังช่วยบำรุงผิวพรรณ และช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจอีกด้วย
6. อาจช่วยลดอาการอักเสบในร่างกาย
การอักเสบในร่างกายนั้นต่อให้เกิดโรคร้ายแรงต่างๆ ทั้งมะเร็ง ความดัน เบาหวาน ไขข้ออักเสบ และอื่นๆ ซึ่งโพรไบโอติกส์ในคีเฟอร์ คืออะไรที่สามารถช่วยต้านการอักเสบในร่างกายได้ นอกจากนี้ กรดแลคติกก็มีฤทธิ์ต้านการอักเสบด้วยเช่นกัน ดังนั้น การรับประทานคีเฟอร์เป็นประจำอาจช่วยลดการอักเสบในร่างกายได้
7. ช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น
นอกจากคีเฟอร์จะอุดมไปด้วยแร่ธาตุวิตามินหลากชนิดแล้ว ในคีเฟอร์ยังมีทริปโตเฟน ซึ่งเป็นสารที่ช่วยให้เรานอนหลับได้ดีขึ้นอีกด้วย โดยปกติแล้วทริปโตเฟนจะพบได้ในอาหารจำพวกโปรตีน เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ นม รวมถึงในคีเฟอร์ด้วยเช่นกัน คีเฟอร์ กินตอนไหน ? สำหรับผู้ที่มีปัญหาในเรื่องการนอนหลับ และไม่สามารถดื่มนมวัวได้ ลองดื่มคีเฟอร์ก่อนนอนดูนะคะ อาจช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้นค่ะ
เกร็ดสุขภาพ : แม้ว่าคีเฟอร์ คืออะไรที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายประการ แต่คีเฟอร์ก็เป็นอาหารหมักชนิดหนึ่ง ซึ่งทำให้เกิดสารที่เรียกว่า ฮีสตามีน ที่หากรับประทานมากเกินไป อาจทำให้ปวดท้อง ปวดศีรษะ ท้องผูก และท้องร่วงได้ อย่างไรก็ตาม คีเฟอร์ค่อนข้างปลอดภัยในการรับประทานสำหรับผู้ที่มีอายุ 5 ปีขึ้นไป ถ้าหากผู้ปกครอองอยากจะให้ลูกลองรับประทานคีเฟอร์ อาจจะต้องปรึกษาแพทย์ก่อน เนื่องจากแบคทีเรียในคีเฟอร์อาจมีผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของเด็กๆ ได้ รวมถึงผู้ที่มีโรคประจำตัวที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอควรระมัดระวังการรับประทานคีเฟอร์ เช่น โรคภูมิแพ้ โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เป็นต้น
คีเฟอร์ คืออะไร ตอนนี้ก็ได้ทราบกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คีเฟอร์เป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ทั้งนี้ ก็มีข้อควรระวังในการรับประทาน โดยเฉพาะในเด็กและในผู้ที่ภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง รวมถึงสตรีมีครรภ์ด้วย สำหรับใครที่อยากลองรับประทานคีเฟอร์ดู นมคีเฟอร์สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าเพื่อสุขภาพต่างๆ หรือถ้าใครจะลองทำคีเฟอร์รับประทานเอง เช่นเดียวกับการทำโยเกิร์ตโฮมเมด ก็สามารถหาซื้อหัวเชื้อคีเฟอร์มาลองทำเองดูได้นะคะ ทั้งนี้ สำหรับคนที่ไม่เคยกินมาก่อน แนะนำว่าควรลองกินในปริมาณน้อยๆ ก่อนเพื่อให้ร่างกายได้ทำความคุ้นเคยกับคีเฟอร์ แล้วคีเฟอร์ กินตอนไหนถึงจะดี ? จะกินตอนเช้า ระหว่างวัน หรือตอนก่อนนอนก็แล้วแต่ความสะดวกได้เลยค่ะ
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : pptvhd36.com, webmd.com, bbcgoodfood.com, medicalnewstoday.com
Featured Image Credit : vecteezy.com/Andrey Starostin
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ
