“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
น้ำมันหมู ดีไหม ? น้ำมันแบบไหนเหมาะจะใช้ทำอาหาร !
การเลือกใช้น้ำมันสำหรับทำอาหารนั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราจะต้องใส่ใจ เพราะน้ำมันแต่ละชนิดนั้นก็มีคุณสมบัติแตกต่างกัน หากเป็นน้ำมันพืช อย่างน้ำมันมะกอก ประโยชน์ดีๆ ต่อสุขภาพก็มีมากมาย แต่ก็ต้องเลือกใช้ให้ถูกประเภท หากเอาน้ำมันมะกอกที่ทนความร้อนได้ต่ำมาทำอาหาร ก็เสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งได้ ทั้งนี้ มีน้ำมันบางชนิดอย่างน้ำมันหมูที่กำลังเป็นที่สงสัยว่า ดีต่อสุขภาพหรือไม่ ? เหมาะสำหรับการเอามาทำอาหารมั้ย น้ำมันหมู ดีไหม ? ในบทความนี้เรามีคำตอบมาให้แล้วค่ะ
ไขข้อสงสัย น้ำมันหมู ดีไหม ? เหมาะสำหรับใช้ทำอาหารหรือไม่ ?!
น้ำมันหมู เป็นน้ำมันที่ได้จากการเจียวส่วนไขมันของหมูจนได้ออกมาเป็นน้ำมันหมู และเหลือเป็นกากหมูที่เอามาบริโภคกัน น้ำมันหมู เป็นน้ำมันที่ได้รับความนิยมในการเอามาปรุงอาหารอย่างแพร่หลาย คนไทยเองก็ใช้น้ำมันหมูทำอาหารกันมานาน เพราะมีราคาไม่สูง สามารถเจียวเองได้ ทั้งนี้ ไขมันที่ได้จากน้ำมันหมู เป็นไขมันอิ่มตัว ทำให้เกิดความกังวลในเรื่องของสุขภาพว่า การบริโภคไขมันอิ่มตัวจะทำให้เกิดโทษต่อสุขภาพหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ก็มีข้อดีของไขมันอิ่มตัวอยู่ เพราะไขมันอิ่มตัวจะมีความคงตัวแม้ผ่านความร้อนสูง ไม่กลายเป็นไขมันทรานส์ง่ายๆ ในขณะที่ไขมันไม่อิ่มตัวมักจะกลายเป็นไขมันทรานส์เมื่อโดนความร้อนสูง แต่ข้อเสียของไขมันอิ่มตัวก็คือ หากบริโภคมากเกินไป ก็จะทำให้เกิดคอเลสเตอรอลในเลือด และอาจทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น สำหรับข้อสงสัยที่ว่า น้ำมันหมู ดีไหม ? ถ้านำมาปรุงอาหารให้ถูกวิธี และบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะ ก็ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เพราะน้ำมันหมู ประโยชน์ก็มีอยู่เหมือนกันค่ะ
น้ำมันหมู ประโยชน์ที่ถูกมองข้าม
แม้จะเป็นผลิตภัณฑ์ไขมันที่มาจากสัตว์ มีไขมันอิ่มตัวสูง และอาจเพิ่มคอเลสเตอรอลในเลือด น้ำมันหมูเองก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพเหมือนกัน เพราะมีวิตามินแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย หากเป็นหมูที่เลี้ยงด้วยวิธีธรรมชาติ ก็จะอุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆ ซึ่งน้ำมันหมูมีประโยชน์ดังนี้ค่ะ
1. ทนความร้อนได้สูง
น้ำมันหมู ดีไหม ? ข้อดีของน้ำมันหมูก็คือ เป็นน้ำมันที่ทนความร้อนได้สูงกว่าน้ำมันพืชทั่วไป และไม่เหม็นหืน จึงเหมาะสำหรับการปรุงอาหารประเภททอด เมื่อน้ำมันหมูได้รับความร้อน จะทำให้เกิดอนุมูลอิสระที่เป็นอันตรายน้อยกว่าการใช้น้ำมันชนิดอื่นๆ จึงไม่เสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง เช่นเดียวกับไขมันที่ได้จากสัตว์อย่างไขมันวัว ไขมันควาย ไขมันห่าน ที่สามารถทนความร้อนได้ดีเช่นเดียวกัน
2. อุดมไปด้วยวิตามินเค 2
สัตว์ที่ถูกเลี้ยงด้วยหญ้าสด หรือเลี้ยงในทุ่งหญ้า มีแนวโน้มที่จะมีปริมาณสารอาหารหรือมีโภชนาการที่ดี ซึ่งไขมันหมูที่มีวิตามินเค 2 สูงจะดีต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด วิตามินเคช่วยในการแข็งตัวของเลือด ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้เลือดไหลมากเกินไป และยังเป็นวิตามินที่ละลายได้ดีในไขมันอีกด้วย
3. ไม่มีไขมันทรานส์
หากต้องการหลีกเลี่ยงไขมันทรานส์ น้ำมันหมู ดีไหม ? ต้องบอกว่า น้ำมันหมูเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะเป็นไขมันที่ปราศจากไขมันทรานส์ ซึ่งไขมันทรานส์เกิดจากกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนเข้าไป โดยมักจะใช้ในอุตสาหกรรมเนยขาว เนยเทียม ทั้งนี้ ไขมันทรานส์จะก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ ทำให้คอเลสเตอรอล HDL และไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงขึ้น
4. เจียวไว้ใช้เองได้ และให้รสชาติที่ดี
หากจะเจียวน้ำมันหมูไว้ใช้เอง ก็สามารถทำได้ง่ายๆ ที่บ้าน ทำให้น้ำมันที่ได้ไม่ผ่านกรรมวิธีเชิงอุตสาหกรรม ไม่มีสารเคมีหรือสิ่งปรุงแต่ง มีความบริสุทธิ์และเป็นธรรมชาติสูง น้ำมันหมู ประโยชน์อีกอย่างหนึ่งคือ ไม่ต้องใช้ในปริมาณมากในการทำอาหาร และยังให้รสชาติที่ดี มีความหอมน่ารับประทาน ช่วยให้เจริญอาหารมากขึ้นด้วย
เกร็ดสุขภาพ : โดยปกติแล้ว เราควรได้รับไขมันในปริมาณไม่เกินร้อยละ 30 ของพลังงานทั้งหมด และไม่น้อยกว่าร้อยละ 15 ของพลังงานทั้งหมด หากได้รับพลังงานวันละ 2,000 แคลอรี่ ควรได้รับพลังงานจากไขมัน 300 – 600 แคลอรี่ คิดเป็นไขมันจำนวน 30 – 60 กรัม ซึ่งควรบริโภคไขมันอิ่มตัวไม่เกินวันละ 16 กรัม หากบริโภคไขมันมากเกินความต้องการ ก็อาจเกิดผลเสียต่อสุขภาพได้ เช่น ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น ระดับไขมันในเลือดสูงขึ้น เสี่ยงต่อการเกิดกลุ่มโรค NCDs อย่างโรคอ้วน เบาหวาน ความดัน เป็นต้น
ชวนเลือกน้ำมันสำหรับทำอาหารให้ถูกชนิด เพื่อประโยน์ต่อสุขภาพ
หากจะบริโภคน้ำมันให้เกิดประโยชน์และส่งผลดีต่อสุขภาพมากที่สุด ต้องเลือกใช้น้ำมันให้ถูกประเภทสำหรับการใช้ปรุงอาหารแบบต่างๆ เพราะน้ำมันแต่ละชนิดทนความร้อนได้ต่างกัน บางชนิดมีจุดเดือดต่ำ บางชนิดมีจุดเดือดสูง จะปรุงอาหารแบบไหน ควรเลือกใช้น้ำมันอะไร เรามีคำตอบมาให้แล้วค่ะ
เกร็ดสุขภาพ : จุดเดือดของน้ำมัน หรือ Smoking Point คืออุณหภูมิที่ทำให้น้ำมันเดือด ซึ่งน้ำมันแต่ละชนิดมีจุดเดือดที่ต่างกัน หากน้ำมันถูกทำให้ร้อนเกินกว่าจุดเดือด น้ำมันจะเป็นพิษและมีอันตรายต่อร่างกาย หากนำน้ำมันที่มีจุดเดือดต่ำไปทำอาหารประเภทผัด ทอด ที่ต้องผ่านความร้อนสูงจะทำให้เกิดอนุมูลอิสระมาก ซึ่งถ้าบริโภคเป็นประจำ อาจจะสมในร่างกายจนทำให้เป็นมะเร็งได้
1. อาหารประเภททอด
อาหารประเภททอด ต้องใช้ความร้อนสูง และใช้น้ำมันในปริมาณมาก ไม่ว่างจะเป็นการทอดไก่ ทอดหมู ทอดปลา และอื่นๆ จึงควรเลือกใช้น้ำมันที่มีไขมันอิ่มตัวสูง ทนความร้อนได้ดี ไม่ทำให้เกิดควัน ไม่เหม็นหืน และยังได้อาหารที่กรอบ หอม อร่อย ดูน่ารับประทาน ซึ่งน้ำมันที่เหมาะสำหรับการทอดก็คือ น้ำมันหมู น้ำมันปาล์ม เป็นต้น หากใครกำลังสงสัยว่า น้ำมันหมู ดีไหม หากใช้สำหรับทอด ก็จะเหมาะมากๆ ค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ควรใช้น้ำมันเก่าทอดซ้ำหลายๆ ครั้ง เพราะน้ำมันที่ผ่านความร้อนสูงหลายๆ ครั้งจะมีคุณภาพเสื่อมลง มีกลิ่น สี และรสที่เปลี่ยนไป นอกจากนี้ ในระหว่างการทอดจะทำให้เกิดสารโพลาร์ที่เกิดจากการแตกตัวของน้ำมัน ทำให้เกิดอนุมูลอิสระขึ้นได้
2. อาหารประเภทผัด
การผัดต่างๆ อย่างการผัดผัก ผัดกะเพรา หรือผัดเมนูอื่นๆ จะใช้น้ำมันในปริมาณน้อย และใช้ความร้อนไม่สูงมาก จึงสามารถใช้น้ำมันได้หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันหมู หรือน้ำมันจากพืชอย่างน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันรำข้าว น้ำมันข้าวโพด หรือน้ำมันมะกอกที่ใช้สำหรับทำอาหาร โดยจะเขียนว่า Pure Olive oil หรือ Extra Light ซึ่งก็แล้วแต่แบรนด์ หากจะเลือกใช้น้ำมันมะกอกสำหรับผัด ทางที่ดีควรอ่านฉลากให้ละเอียดก่อนว่าเหมาะสำหรับการปรุงอาหารประเภทใด หากใช้ผิดชนิดก็อาจให้โทษต่อร่างกายได้เช่นกัน เช่น นำน้ำมันมะกอกสำหรับใส่ในสลัดไปผัดหรือทอด ก็ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระได้
3. อาหารประเภทสลัด
หากต้องการใช้น้ำมันสำหรับทำสลัดหรือใช้เป็นตัวชูรสชาติ ควรเลือกใช้น้ำมันพืชชนิดที่ไม่แข็งตัวในอุณหภูมิต่ำ และควรเป็นไขมันไม่อิ่มตัวสูง เช่น น้ำมันมะกอกธรรมชาติชนิด Extra-Virgin Olive Oil หรือน้ำมันงา น้ำมันถั่วเหลือง เป็นต้น ซึ่งจะให้รสชาติที่ดี มีกลิ่นหอมน่ารับประทาน แม้ไม่ผ่านความร้อน
สำหรับใครที่มีข้อสงสัยว่า น้ำมันหมู ดีไหม ? ตอนนี้ก็น่าจะได้คำตอบกันไปแล้วนะคะ หากนำไปใช้ให้ถูกวิธี ก็จะทำให้เกิดประโยชน์ได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันพืช หรือน้ำมันจากสัตว์ ก็ควรบริโภคอย่างพอดี เพราะถ้าบริโภคชนิดใดชนิดหนึ่งมากเกินไป ก็ทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้ทั้งนั้น หากจะไม่รับประทานเลย ก็อาจทำให้ร่างกายขาดสารอาหารได้เช่นกัน เพราะอาหารจำพวกไขมันช่วยให้พลังงานกับร่างกาย ช่วยในการดูดซึมวิตามิน A D E และ K ทั้งยังช่วยในการสร้างฮอร์โมนบางชนิดอีกด้วย การเลือกใช้น้ำมันให้ถูกกับวิธีปรุงอาหาร และบริโภคอย่างพอดี ก็จะช่วยให้เราได้รับประโยชน์จากน้ำมันชนิดนั้นๆ ได้ค่ะ
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : sgethai.com, oryor.com, rama.mahidol.ac.th, bangkokbiznews.com, thairath.co.th, healthhub.sg, fearlesseating.net
Featured Image Credit : vecteezy.com/Tetiana Chernykova
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ