“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
โรคสะเก็ดเงิน เกิดจาก อะไร ? โรคนี้ติดต่อไหม ? ชวนหาคำตอบพร้อมวิธีดูแลตัวเอง
โรคสะเก็ดเงินเป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่พบได้ในทุกเพศทุกวัย ส่วนใหญ่พบในวัยผู้ใหญ่ และทำให้เกิดอาการอักเสบเรื้อรังของผิวหนัง เกิดผื่นแดงหนาตามบริเวณต่างๆ ส่วนใหญ่จะปรากฏบนหนังศีรษะ ข้อศอก หัวเข่า และหลังส่วนล่าง และมักมีอาการคัน ซึ่งโรคสะเก็ดเงินไม่ใช่โรคที่มากับหน้าร้อน แต่เป็นโรคที่เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ในบทความนี้ทีมงานเพื่อสุขภาพจะมาแนะนำให้รู้จักกันว่า โรคสะเก็ดเงิน เกิดจาก อะไร รักษาและดูแลตัวเองได้อย่างไรบ้าง รวมทั้งตอบคำถามที่ว่าโรคสะเก็ดเงิน ติดต่อไหม ?
รู้เท่าทัน ! โรคสะเก็ดเงิน เกิดจาก อะไร ? สาเหตุมาจากอะไรกันแน่
โรคสะเก็ดเงินเป็นโรคผิวหนังที่ทำให้เกิดผื่นคัน เป็นหย่อม เป็นสะเก็ด ส่วนใหญ่มักเป็นที่หัวเข่า ข้อศอก ลำตัว และหนังศีรษะ โรคสะเก็ดเงินเป็นโรคที่พบบ่อยและเป็นยาวนาน เพราะเป็นโรคผิวหนังเรื้อรัง ที่ไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด ซึ่งอาการของมันอาจทำให้เจ็บปวด คัน รบกวนการนอนหลับ และทำให้ขาดสมาธิ อาการมักจะเป็นวัฏจักร คือ วูบวาบเป็นเวลาสองสามสัปดาห์หรือหลายเดือน แล้วค่อยๆ หายไปชั่วขณะหนึ่ง แล้วก็วนกลับมาใหม่เมื่อกระทบต่อสิ่งเร้า
โรคสะเก็ดเงิน เกิดจากอะไร ? สาเหตุที่แท้จริงของโรคสะเก็ดเงินยังคงไม่แน่ชัด แต่จากการวิจัยชี้ให้เห็นว่าโรคสะเก็ดเงิน เกิดจากสาเหตุดังต่อไปนี้
- ปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน
- พันธุกรรม
- ปัจจัยจากสิ่งเร้า สิ่งกระตุ้นที่พบบ่อย ได้แก่
- การบาดเจ็บที่ผิวหนัง เช่น บาดแผล รอยถลอก แมลงกัดต่อย หรือผิวไหม้แดด รวมถึงการฉีดวัคซีนสามารถทำให้เกิดการระบาดใหม่ได้
- ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป เพราะความผิดปกติของการใช้แอลกอฮอล์สามารถกระตุ้นให้เกิดโรคสะเก็ดเงินได้ ควรลดการบริโภคแอลกอฮอล์ หรือเลิกดื่มแอลกอฮอล์
- สูบบุหรี่ สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคสะเก็ดเงินได้เป็นสองเท่า ซึ่งจะส่งผลต่อฝ่ามือและฝ่าเท้าได้
- ความเครียดที่สูงผิดปกติอาจทำให้เกิดอาการวูบวาบได้ หากลดและจัดการกับความเครียดได้ก็จะสามารถป้องกันอาการกำเริบได้
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน โดยเฉพาะในผู้หญิง เช่น ในช่วงวัยแรกรุ่นและวัยหมดประจำเดือน
- ยาบางชนิดถือเป็นตัวกระตุ้นโรคสะเก็ดเงินได้ เช่น ลิเธียม ยาต้านมาเลเรียบางชนิด ยาต้านการอักเสบ เช่น ไอบูโพรเฟน และสารยับยั้ง ACE ที่ใช้รักษาความดันโลหิตสูง
- ความผิดปกติของภูมิคุ้มกันอื่นๆ เช่น HIV ซึ่งโรคสะเก็ดเงินมักจะแย่ลงในช่วงเริ่มต้นของการติดเชื้อเอชไอวี
- สภาพอากาศ โรคสะเก็ดเงินอาจแย่ลงในฤดูหนาว อากาศแห้ง แสงแดดธรรมชาติน้อยลง และอุณหภูมิที่เย็นจัด อาจทำให้อาการแย่ลงได้
ซึ่งสิ่งกระตุ้นเหล่านี้อาจไม่เหมือนกันทุกคน เพราะแต่ละคนก็อาจจะเปลี่ยนแปลงได้เมื่อเวลาผ่านไป และโรคสะเก็ดเงิน ติดต่อไหมนั้น ? โรคสะเก็ดเงินเป็นโรคผิวหนังที่ไม่ติดต่อค่ะ ดังนั้น จึงไม่สามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนได้ค่ะ
เกร็ดสุขภาพ : โรคสะเก็ดเงิน เกิดจากปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน พันธุกรรม สิ่งกระตุ้นภายนอก เป็นสำคัญ แต่นอกจากนี้แล้วยังมีการพบว่าโรคสะเก็ดเงินมีความสัมพันธ์กับโรคอ้วน ภาวะไขมันในเลือดสูง และเบาหวานด้วยค่ะ
โรคสะเก็ดเงินรักษาอย่างไร
โรคสะเก็ดเงิน เกิดจากอะไรก็ได้คำตอบกันไปแล้ว เรามารู้ถึงวิธีในการรักษากันบ้างค่ะ ซึ่งการรักษาโรคสะเก็ดเงินมักจะช่วยรักษาสภาพให้อยู่ภายใต้การควบคุม แม้ว่าจะไม่สามารถทำให้หายขาดได้ แต่เป็นการช่วยบรรเทาอาการให้ทุเลาลง ทรมานน้อยลง การรักษาโรคสะเก็ดเงินนั้น ต้องได้รับการรักษาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้อาการค่อยๆ ดีขึ้น และสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ และการรักษาจะพิจารณาจากประเภทและความรุนแรงของโรคสะเก็ดเงิน รวมถึงบริเวณผิวหนังที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งสมุนไพรไทย รักษาโรคนี้ไม่ได้ แต่มีวิธีรักษาทางการแพทย์ โดยแพทย์จะพิจารณาการรักษา ดังนี้
1. การรักษาเฉพาะที่
การรักษาเฉพาะที่มักจะเป็นการรักษาครั้งแรกที่ใช้สำหรับโรคสะเก็ดเงินระดับอ่อนถึงปานกลาง โดยใช้ครีมและขี้ผึ้งในบริเวณที่มีอาการ อาจต้องใช้เวลารักษาถึง 6 สัปดาห์ และหากคุณมีโรคสะเก็ดเงินที่หนังศีรษะ แพทย์จะแนะนำให้ใช้แชมพูผสมครีมนวด
2. ใช้สารให้ความชุ่มชื้น
แพทย์อาจใช้ทรีทเมนต์ที่ให้ความชุ่มชื้นซึ่งนำไปใช้กับผิวโดยตรง เพื่อลดการสูญเสียน้ำและปิดผิวด้วยฟิล์มป้องกัน หากคุณมีโรคสะเก็ดเงินที่ไม่รุนแรง นี่อาจเป็นวิธีการรักษาแรกที่แพทย์จะแนะนำ ซึ่งการให้ความชุ่มชื่นแก่ผิวจะช่วยลดอาการคันได้
3. ครีมหรือขี้ผึ้งสเตียรอยด์
ครีมหรือขี้ผึ้งสเตียรอยด์ มักใช้ในการรักษาโรคสะเก็ดเงินที่ไม่รุนแรงถึงปานกลางในพื้นที่ส่วนใหญ่ของร่างกาย โดยลดการอักเสบ และทำให้การผลิตเซลล์ผิวช้าลงและลดอาการคัน ซึ่งจะใช้เฉพาะเมื่อแพทย์แนะนำเท่านั้น
4. ให้สารยับยั้งแคลซินูริน
สารยับยั้ง Calcineurin เช่น Tacrolimus และ Pimecrolimus เป็นขี้ผึ้งหรือครีมที่ลดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันและช่วยลดการอักเสบ บางครั้งใช้เพื่อรักษาโรคสะเก็ดเงินที่ส่งผลกระทบต่อบริเวณที่บอบบาง เช่น ใบหน้า อวัยวะเพศ และรอยพับในผิวหนังได้ ยาเหล่านี้อาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหนังหรือรู้สึกแสบร้อนและคันเมื่อเริ่มใช้ยา แต่มักจะดีขึ้นภายในหนึ่งสัปดาห์
เกร็ดสุขภาพ : ผลกระทบจากโรคสะเก็ดเงินนั้น อาจส่งผลให้เกิดอาการคันที่ไม่รุนแรง แต่สร้างความรำคาญได้ มีอาการผื่นตามผิวหนัง ที่ส่งผลด้านบุคลิกภาพ ทำให้สูญเสียความมั่นใจ สำหรับคนที่มีอาการรุนแรงหรือเป็นนานๆ อาจมีอาการปวดข้อ ข้ออักเสบได้
เป็นโรคสะเก็ดเงินแล้ว ควรดูแลและป้องกันตนเองอย่างไร ?
1. อาบน้ำทุกวัน
ควรอาบน้ำทุกวัน และใช้น้ำอุ่นและสบู่อ่อนๆ โดยเฉพาะในบริเวณที่เป็นแผล งดการขัดผิวใดๆ
2. ทามอยส์เจอไรเซอร์ทุกวัน
ควรทามอยส์เจอไรเซอร์ทุกวันเพื่อให้ความชุ่มชื้นหลังอาบน้ำ ซับผิวให้แห้งและทาผลิตภัณฑ์ขณะที่ผิวยังชุ่มชื้นอยู่ หากมีผิวแห้งมาก ควรเลือกใช้น้ำมันหรือครีมให้ความชุ่มชื้นมากกว่าโลชั่น และสามารถทาผลิตภัณฑ์ได้มากกว่าวันละครั้ง หากอากาศที่คุณอาศัยอยู่แห้งมาก ให้ใช้เครื่องทำความชื้นเพื่อเพิ่มความชื้นในอากาศ
3. ปล่อยให้ผิวโดนแสงแดดเพียงเล็กน้อย
ปริมาณแสงแดดที่ควบคุมได้สามารถปรับปรุงโรคสะเก็ดเงินได้ แต่แสงแดดที่มากเกินไปสามารถกระตุ้นหรือทำให้การระบาดแย่ลง และเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งผิวหนัง โดยสามารถโดนแดดอ่อนๆ ได้ แต่หากแดดแรงจัด ควรปกป้องผิวที่ไม่ได้รับผลกระทบจากโรคสะเก็ดเงินด้วยหมวก เสื้อผ้า หรือครีมกันแดดที่มีค่า SPF อย่างน้อย 30
4. หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงโรคสะเก็ดเงิน
สังเกตสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดโรคสะเก็ดเงิน และป้องกันหรือหลีกเลี่ยง เช่น ระวังการติดเชื้อ การบาดเจ็บที่ผิวหนัง การสูบบุหรี่ และการดื่มแอลกอฮอล์ที่มากเกินไป
โรคสะเก็ดเงิน เกิดจากอะไรนั้น ก็มาจากหลายสาเหตุและหลายปัจจัยด้วยกัน สิ่งสำคัญที่จะทำให้เราห่างไกลจากโรคสะเก็ดเงิน คือพยายามรักษาวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี เพื่อช่วยจัดการและป้องกันโรคสะเก็ดเงิน รวมถึงการมีร่างกายที่แข็งแรง ออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อเพิ่มภูมิต้านทาน กินอาหารที่ดีและมีประโยชน์ เช่น อาหารเพิ่มภูมิคุ้มกัน การจำกัดหรือหลีกเลี่ยงการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการรักษาน้ำหนักให้แข็งแรงค่ะ สำหรับคำถามที่ว่าโรคสะเก็ดเงิน ติดต่อไหมก็ได้รู้กันไปแล้วว่าไม่ติดต่อกัน เพราะฉะนั้น หากมีสมาชิกในบ้านเป็น ก็หมดกังวลในเรื่องโรคติดต่อได้ค่ะ
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : healthline.com, webmd.com, bangkokhospital.com
Featured Image Credit : freepik.com
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ