“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
รวม สมุนไพรบำรุงสายตา ให้ตาปิ๊ง วิ๊งๆ เปล่งประกาย
ทุกวันนี้เราใช้สายตากันอย่างหนักหน่วง ทั้งใช้ในการทำงานหรือการเรียนที่จะต้องจ้องหน้าจออยู่ตลอดเวลา และวิถีชีวิตในปัจจุบันที่ผู้คนต่างผูกชีวิตเข้ากับการใช้งานอุปกรณ์เทคโนโลยีเป็นหลัก ทำให้เราได้รับแสงสีฟ้าจากหน้าจอเป็นประจำ ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพดวงตาของเราได้ และการออกแดดในกลางแจ้ง ดวงตาก็สามารถโดนทำร้ายโดยแสงยูวีได้เช่นกัน แล้วเราจะบำรุงดูแลดวงตาของเราอย่างไรดี ? ให้อวัยวะนี้อยู่กับเราไปได้นานๆ มารู้จัก สมุนไพรบำรุงสายตา ที่จะทำให้ดวงตาเราแข็งแรงและใช้งานได้เป็นอย่างดี จะมีอะไรบ้างนั้น จะเป็นสิ่งที่เรารู้จักกันดีอยู่แล้วหรือไม่ ? ไปดูพร้อมๆ กันเลย
7 สมุนไพรบำรุงสายตา กินแล้วสุขภาพตาแข็งแรง !
มาดูกันว่า มีสมุนไพรชนิดใดบ้างที่มีสรรพคุณบำรุงดวงตาได้ บางทีพืชพรรณสมุนไพรใกล้ตัวที่เรารู้จักและคุ้นเคยกันดี อาจมีคุณสมบัติเป็นสมุนไพรบำรุงตาด้วยก็ได้ ซึ่งก็ได้แก่
1. ดอกอัญชัน
ดอกอัญชันที่คนโบร่ำโบราณนิยมเอามาเขียนคิ้วให้กับเด็กน้อย หรือนำมาขยี้ทาบนผมของเด็กเกิดใหม่ เพราะเชื่อว่าจะทำให้คิ้วและผมดกดำ หรือจะนำมาคั้นน้ำใช้ทำขนม นำมาต้มกินแก้ร้อนในก็ได้ และในตำรายาไทย สรรพคุณของดอกอัญชัน จัดเป็นสมุนไพรบำรุงสายตาได้ด้วย โดยการนำมาต้มกินเป็นประจำ จะช่วบบำรุงสมอง บำรุงสายตา แก้เบาหวานขึ้นตา เพราะดอกอัญชันมีสารแอนโทไซนานิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความเสื่อมของดวงตา และกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดมายังดวงตา ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็นนั่นเอง ทั้งนี้ หากบริโภคมากเกินไป อาจจะทำให้ไตทำงานหนักได้
2. ขมิ้น
ขมิ้น สมุนไพรคู่ครัวที่ใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารไทยหลายชนิด และใช้เป็นยารักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบมาช้านาน เพราะมีสารสำคัญคือ เคอร์คูมิน (Curcumin) ซึ่งมีผลยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ ได้มีการทดลองให้หนูกินอาหารที่มีส่วนผสมของเคอร์คูมิน พบว่า สามารถปกป้อง Retina (จอรับภาพบนดวงตา) จากแสงแดดได้ นอกจากนี้ เคอร์คูมินสามารถป้องกันภาวะเบาหวานขึ้นจอตา และการเกิดต้อกระจกได้ด้วย สำหรับการกินขมิ้น สามารถกินทั้งแบบในเครื่องแกงอาหาร หรือในเมนูอาหารต่างๆ หรือกินเป็นแคปซูลสมุนไพรตามคำแนะนำข้างฉลาก มีข้อควรระวังคือ ในบางคนอาจมีอาการปวดท้อง ท้องเสีย คลื่นไส้ เวียนศีรษะ เมื่อกินมากเกินไปได้
3. ดอกดาวเรือง
ดอกดาวเรืองที่นิยมปลูกประดับสถานที่ต่างๆ สามารถใช้เป็นสมุนไพรบำรุงสายตาได้ ในภาคใต้ นิยมนำยอดอ่อน ใบอ่อน ดอกอ่อนที่ยังตูมอยู่ มาจิ้มน้ำบูดูหรือน้ำพริกกินเพื่อบำรุงร่างกาย และหมอยาไทยนำดอกดาวเรืองมาต้มกินเพื่อบำรุงสายตา เพราะดาวเรืองมีสารลูทีน (Lutine) และ ซีแซนทิน (Zeaxanthin) ช่วยดูดซับแสงสีฟ้าและแสงยูวีที่จอประสาทตา ลดความเสี่ยงในการเกิดต้อกระจกได้ วิธีรับประทานคือ นำดอกดาวเรืองตากแห้ง 1 ช้อนชา แช่กับน้ำร้อนประมาณ 15 นาที และดื่มวันละ 2 ครั้ง เช้าเย็น ก่อนหรือหลังอาหาร ทั้งนี้ ผู้ป่วยโรคตับและโรคไตไม่ควรกินดอกดาวเรือง เนื่องจากร่างกายอาจมีปัญหาในการขับสารจากดอกดาวเรือง ส่งผลให้ตับและไตทำงานหนัก หญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตรควรหลีกเลี่ยงการกินดอกดาวเรือง เพราะอาจส่งผลเสียต่อทารกได้
4. ยอดเสาวรส
เสาวรส หรือเรียกกันว่า กะทกรก ผลไม้สีมีทั้งผลสีเหลืองและสีออกม่วงแดง สามารถกินเสาวรสได้ทั้งยอดอ่อนและเนื้อในผล มีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน สามารถนำยอดอ่อนเสาวรสไปลวกและจิ้มกินกับน้ำพริกหรือผัดกับน้ำมันมะกอกเป็นมื้ออาหารได้ แล้วถ้าเป็นผลเสาวรส กินยังไงให้อร่อย ? จะเหยาะเกลือเล็กน้อย และรับประทานได้เลย แม้เสาวรสอาจไม่ใช่พืชสมุนไพรบำรุงสายตาโดยตรง แต่ก็ถือว่าเป็นผลไม้ที่มีเบต้าแคโรทีนสูง และมีวิตามินเอสูง บำรุงตาได้เป็นอย่างดี เสาวรส 100 กรัม มีเบต้าแคโรทีน 8,494 ไมโครกรัม และมีวิตามินเอ 427.7 ไอยู ทั้งนี้ ห้ามรับประทานต้นสดเสารสเด็ดขาด เนื่องจาก ต้นเสาวรสมีสารพิษอันตราย อาจทำให้เสียชีวิตได้
5. หญ้าฝรั่น
หญ้าฝรั่น หรือ Saffron สมุนไพรเครื่องเทศที่มักพบในอาหารฝรั่ง ถูกใช้ในยาแผนโบราณเนื่องจากมีสารต้านพิษ คือ สารโครซิน (Crocin) และโครเซติน (Crocetin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วงปกป้องเซลจากความเสื่อม และการทดลองในหนูพบว่า หญ้าฝรั่นเพิ่มระดับกลูต้าไทโอน จึงสามารถลดผลเสียจากการที่หนูได้รับแสงจ้าเป็นเวลานานๆ ได้ นอกจากนี้ การให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมรับประทานหญ้าฝรั่น วันละ 20 มิลลิกรัม เป็นเวลา 90 วัน พบว่า จุดภาพชัด (Macula) ในตา สามารถทำหน้าที่ได้ดีขึ้น ทั้งนี้ แม้ว่าหญ้าฝรั่นจะมีความเป็นพิษต่ำแต่ก็ไม่ควรกินมากเกินไปเพราะอาจทำให้มีผลข้างเคียง เช่น มีอาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ง่วงซึม ตัวสั่น เลือดกำเดาไหลหรือมีเลือดออกบริเวณเปลือกตาและริมฝีปาก และในบางรายอาจมีอาการถ่ายเป็นเลือดได้
เกร็ดสุขภาพ : หญ้าฝรั่น ถือว่าเป็นเครื่องเทศที่มีราคาสูง โดยมีราคาอยู่ที่ 37,000 – 374,000 บาท/กิโลกรัม หญ้าฝรั่นมีรสเผ็ด ขมอมหวาน และมีกลิ่นหอมคล้ายฟาง นิยมนำไปเป็นส่วนประกอบในอาหารและเครื่องดื่ม ใช้ในอุตสาหกรรมน้ำหอม ใช้เป็นสีย้อมผ้า และยังเป็นส่วนประกอบสำคัญในตำหรับยาหลายชนิดด้วย
6. แปะก๊วย
สารสกัดจากใบแปะก๊วย เป็นอาหารเสริมที่นิยมมากที่สุดในยุโรปและอเมริกา มีฤทธิ์ป้องกันการทำลายจากอนุมูลอิสระ จากการศึกษาพบว่า สารสกัดจากใบแปะก๊วยสามารถป้องกันความเสื่อมของเส้นประสาทในตาได้ จึงสามารถป้องกันการตาบอดในผู้ป่วยโรคต้อหิน และในผู้ป่วยจอตาเสื่อมด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ สารสกัดจากใบแปะก๊วยยังช่วยยับยั้งการตายของเซลล์รับแสง และเพิ่มอัตราการอยู่รอดของเซลล์ภายหลังถูกฉายด้วยแสงจ้า และช่วยลดภาวะจอตาลอกหรือจอประสาทตาลอกได้ด้วย ดังนั้น แปะก๊วยจึงเป็นสมุนไพรบำรุงตาที่มีประโยชน์ในแง่ของการป้องกันและรักษาโรคต้อหิน และโรคที่เกี่ยวกับจอตาด้วย อย่างไรก็ตาม ไม่ควรรับประทานเกินปริมาณที่แนะนำต่อวัน มีการศึกษาพบว่า การกินสารสกัดใบแปะก๊วยมากเกินไปติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจก่อให้เกิดก้อนเลือดในเยื่อหุ้มสมองได้
เกร็ดสุขภาพ : นอกจากจะบำรุงดวงตาแล้ว ใบแปะก๊วยยังมีสรรพคุณช่วยบำรุงสมองด้วย โดยช่วยป้องกันโอกาสในการเกิดโรคอัลไซเมอร์ ปกป้องการสูญเสียความจำ บำรุงสมองด้านความจำ และยังช่วยให้มีสมาธิดีขึ้น ในวัยเรียนหรือวัยทำงานที่ต้องการบำรุงสมอง สามารถรับประทานแปะก๊วยในปริมาณ 120 – 240 มิลลิกรัมต่อวัน จะช่วยพัฒนาความคิด ช่วยเพิ่มความจำ และทำให้มีสมาธิมากขึ้นได้
7. ชาเขียว
ชาเขียว เครื่องดื่มที่เราคุ้นเคยกันดี มีสรรพคุณเป็นสมุนไพรบำรุงสายตาได้ เนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เป็นที่รู้กันว่า อนุมูลอิสระเป็นปัจจัยพื้นฐานที่ทำให้เกิดความเสื่อมในร่างกาย และทำให้เกิดโรคเรื้อรังหลายชนิด รวมทั้งต้อหินและต้อกระจกด้วย ดังนั้น การรับประทานชาเขียวที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงจะช่วยป้องกันได้ นอกจากนี้ มีการศึกษาว่า โพลีฟีนอลในชาเขียวช่วยป้องกันจอประสาทตาจากการทำถูกทำลายโดยแสงยูวี เพื่อสุขภาพดวงตาที่ดี ลองดื่มชาเขียวหลังมื้ออาหารดู วันละ 1 – 2 ถ้วย นอกจากจะช่วยให้สดชื่นแล้ว ยังบำรุงดวงตาด้วยค่ะ สำหรับคนที่นอนหลับยากหรือไวต่อคาเฟอีน ไม่ควรดื่มชาเขียวก่อนนอน เพราะอาจส่งผลต่อการนอนหลับได้
อยากตาปิ๊ง วิ้งๆ สดใด ต้องเลี่ยงสิ่งเหล่านี้
- การเผชิญแสงแดด เพราะรังสียูวีจากแสงแดดสามารถทำงายเซลล์ที่จอประสาทตาได้ ควรสวมแว่นกันแดดเมื่อต้องอยู่กลางแจ้ง
- การจ้อหน้าจอเป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอมือถือ คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต รังสียูวีจากหน้าจอสามารถทำลายเซลล์ประสาทตาได้เหมือนกัน และการใช้สายตาเป็นเวลานานก็ทำให้กล้ามเนื้อรอบดวงตาล้าได้ หากมีอาการเมื่อยตา จะลองใช้เครื่องนวดตาดูก็ได้ค่ะ (อ่านเพิ่มเติม เครื่องนวดตา ยี่ห่อไหนดี)
- การสูบบุหรี่ ส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือด ทำให้ดวงตาขาดออกซิเจนและสารอาหาร
- ไม่รับประทานผักผลไม้ ทำให้ร่างกายขาดวิตามินเกลือแร่ที่จะไปซ่อมแซมดูแลดวงตา
- การดื่มน้ำน้อย ทำให้ดวงตาขาดความชุ่มชื้น เกิดตาแห้งได้ง่าย
- การละเลยสุขภาพ เช่น ในคนที่เป็นโรคเบาหวาน ไขมัน ระบบความดันโลหิต ซึ่งมีผลต่อหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงบริเวณดวงตา ทำให้มีปัญหาต่อดวงตาได้
- การพักผ่อนน้อย เช่น นอนไม่เพียงพอ นอนน้อย การนอนหลับจะทำให้ดวงตาได้พักผ่อน ป้องกันอาการตาล้า ตาแห้ง ตาพร่ามัว
สมุนไพรบำรุงตาทั้ง 7 ชนิดที่ได้นำมาฝากกัน ก็มีทั้งชนิดที่หาได้ง่ายทั่วไป มีอยู่ในครัวหรือตามรั้วบ้านของเรา และก็มีทั้งชนิดที่ราคาสูง ซึ่งก็เลือกเอากันตามความเหมาะสมและความสะดวกในการหามารับประทาน อย่างไรก็ตาม นอกจากการรับประทานสมุนไพรบำรุงสายตาเพื่อเป็นการฟื้นฟูสุขภาพดวงตาของเราแล้ว พฤติกรรมของเราเองก็สำคัญ หากรู้สึกว่าตาเมื่อยล้าจากการจ้องหน้าจอนานๆ ก็ต้องพักบ้างสัก 5 – 10 นาที และหลีกเลี่ยงการมองหน้าจอในที่แสงน้อย เพราะทำให้กล้ามเนื้อตาทำงานหนัก ทำให้ปวดตาด้วย ทั้งนี้ การกินอาหารที่มีประโยชน์ เช่น อาหารที่มีวิตามินเอและมีเบต้าแคโรทีนสูง ก็จะช่วยบำรุงดวงตาเราได้อีกทางหนึ่ง รวมถึงการนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ และสวมแว่นกันแดดเพื่อปกป้องดวงตาจากแสงยูวี ก็จะทำให้เรามีสุขภาพดวงตาที่ดีค่ะ
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : vantagefit.io, pharmacy.mahidol.ac.th
Featured Image Credit : freepik.com/Lifestylememory
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ