“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
ตากระตุก วิธีแก้ คืออะไร ? เกิดจากอะไรกันแน่ !
อาการตากระตุกเกิดขึ้นได้กับทุกคน และบางคนอาจมีอาการตากระตุกอยู่บ่อยครั้ง บางคนก็มีความเชื่อว่าตากระตุกเป็นลางบอกเหตุ ดังคำกล่าวที่ว่า ตากระตุกขวาจะเจอเรื่องร้าย ตากระตุกข้างซ้ายจะเจอเรื่องดี แต่ในทางการแพทย์นั้น อาการตากระตุก (Eye Twitching) หมายถึงการที่เปลือกตามีการขยับเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว อาจเกิดขึ้นชั่วครู่หรือเกิดขึ้นถี่ๆ จนทำให้รู้สึกรำคาญได้ สำหรับใครที่ตากระตุกอยู่บ่อยครั้ง คงอยากทราบว่า ตากระตุก วิธีแก้ ทำอย่างไร ตากระตุกเกิดจากสาเหตุอะไร อันตรายหรือไม่ มาหาคำตอบกันเลยค่ะ
ตากระตุก วิธีแก้ ทำอย่างไร ? ตากระตุกเกิดจากอะไรกันแน่ มาหาคำตอบกัน !
อาการตากระตุกเกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อรอบเปลือกตาโดยไม่ได้ตั้งใจ อาการกระตุกเหล่านี้มักเกิดขึ้นที่บริเวณเปลือกตา ในบางคนอาจเกิดขึ้นเป็นบางครั้งคราว แต่บางคนอาจมีอาการตากระตุกอยู่บ่อยครั้งหรือเกิดขึ้นถี่ๆ จนสร้างความรำคาญได้ โดยทั่วไปแล้วมักมีอาการไม่รุนแรง และสามารถหายได้เองในระยะเวลาสั้นๆ อย่างไรก็ตาม อาการตากระตุกบ่อยๆ อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายบางชนิดได้เช่นกัน เช่น โรคอัมพาตใบหน้า (Bell’s Palsy) หรือโรคกล้ามเนื้อบิดเกร็ง (Dystonia) เป็นต้น แต่พบได้น้อยมาก ก่อนจะไปดูว่า ตากระตุก วิธีแก้ ทำได้อย่างไร มาดูสาเหตุของการเกิดอาการตากระตุกกันก่อนเลยค่ะ
เกร็ดสุขภาพ : อาการตากระตุกอาจบ่งบอกถึงภาวะกล้ามเนื้อใบหน้าเกร็งกระตุกครึ่งซีก (Hemifacial Spasm) ได้ด้วย มักพบในช่วงอายุ 50 – 60 ปี และพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย อาการมักเริ่มที่เปลือกตาก่อนแล้วค่อยๆ ลามไปยังแก้มและริมฝีปากข้างเดียวกัน ซึ่งอาการกระตุกนี้ไม่สามารถควบคุมได้ และเมื่ออาการรุนแรงขึ้นจะกระตุกเกือบตลอดเวลา หากมีอาการตากระตุก วิธีแก้ดังกล่าว ควรไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด เพราะอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงโรคร้ายแรงอื่นๆ ได้
ตากระตุก เกิดจากอะไร ?
ตากระตุกเป็นอาการที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน และเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน อาการตากระตุกโดยทั่วไป เกิดจาก
- ความเหนื่อยล้าหรือนอนหลับไม่เพียงพอ การพักผ่อนไม่เพียงพออาจทำให้กล้ามเนื้อตาเหนื่อยล้าและกระตุกได้
- ความเครียดและความวิตกกังวล ความเครียดและความวิตกกังวลทางอารมณ์อาจแสดงออกทางกายภาพด้วยอาการตากระตุกได้เช่นกัน
- อาการตาล้า การใช้หน้าจอดิจิทัล การอ่านหนังสือ หรือการขับรถเป็นเวลานานอาจทำให้กล้ามเนื้อตาตึงและทำให้เกิดการกระตุกได้ ในบางคนอาจเป็นโรค Computer Vision Syndrome ร่วมด้วย หาดเกิดจากสาเหตุนี้ ตากระตุก วิธีแก้ ทำได้โดยการพักการจ้องหน้าจอและใช้สายตาน้อยลง
- คาเฟอีนและแอลกอฮอล์ การบริโภคคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์มากเกินไปอาจทำให้ตากระตุกได้
- ตาแห้ง หากน้ำตาหล่อลื่นในดวงตาไม่เพียงพออาจทำให้เกิดการระคายเคืองและมีอาการตากระตุกได้
- การขาดแร่ธาตุบางชนิด เช่น ความไม่สมดุลของแมกนีเซียมหรืออิเล็กโทรไลต์ อาจทำให้ตากระตุกได้
- อาการแพ้ ปฏิกิริยาภูมิแพ้อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองตาและกระตุกได้
- ยาบางชนิด เช่น ยาที่ใช้รักษาโรคลมบ้าหมูหรือโรคจิตเภทบางโรค อาจทำให้อาการตากระตุกเป็นผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้
ตากระตุก วิธีแก้ทำได้อย่างไรบ้าง ?
ตากระตุก เกิดจากอะไร เมื่อได้รู้สาเหตุกันไปเรียบร้อยแล้ว วิธีแก้อาการตากระตุกนั้นก็ทำได้ไม่ยาก จะแก้อาการตากระตุกได้อย่างไรบ้าง มาดูกันเลยค่ะ
1. พักผ่อนให้มากขึ้น
อาการตากระตุก วิธีแก้ง่ายๆ ก็คือ นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ เพราะความเหนื่อยล้าและการนอนหลับไม่เพียงพออาจทำให้ตากระตุกได้
2. มีวิธีบรรเทาความเครียดและความวิตกกังวล
ความเครียดและความวิตกกังวลอาจทำให้ตากระตุกได้ พยายามผ่อนคลายและจัดการความเครียดในชีวิตในชีวิตประจำวันอย่างเหมาะสม เช่น การหายใจเข้าลึกๆ การทำสมาธิ หรือทำงานอดิเรกที่ชอบ
3. ประคบอุ่น
การประคบอุ่นบนเปลือกตาช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อและบรรเทาอาการกระตุกของดวงตาได้ เพียงแช่ผ้าสะอาดในน้ำอุ่น บิดน้ำส่วนเกินออก แล้วประคบไว้ที่ดวงตาข้างที่มีการกระตุกสักครู่
4. จำกัดการบริโภคคาเฟอีนและแอลกอฮอล์
ทั้งคาเฟอีนและแอลกอฮอล์อาจทำให้ตากระตุกได้ ลองลดการบริโภคคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์หรือจะงดไปเลย เพื่อดูว่าอาการตากระตุกจะหายไปหรือไม่
5. ดื่มน้ำอย่างเพียงพอในแต่ละวัน
ถ้าเราดื่มน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายก็อาจทำให้เกิดอาการตากระตุกได้ เราควรดื่มน้ำให้เพียงพอตลอดทั้งวันเพื่อให้ร่างกายไม่ขาดน้ำ ทั้งเพื่อการมีสุขภาพดีแบบองค์รวมด้วยค่ะ (อ่านเพิ่มเติม เราควรดื่มน้ำวันละกี่ลิตร)
เกร็ดสุขภาพ : ในบางกรณี อาการตากระตุกสามารถรักษาได้โดยการฉีด Botulinum Toxin หรือ Botox โดยแพทย์จะฉีดโบท็อกซ์ลงไปบริเวณกล้ามเนื้อรอบดวงตาที่มีอาการกระตุก เพื่อให้กล้ามเนื้อเหล่านั้นอยู่ในสภาพอ่อนแรงชั่วคราว ไม่สามารถหดเกร็งตัวได้ และช่วยป้องกันไม่ให้เส้นประสาทส่งสัญญาณไปที่กล้ามเนื้อให้เกิดการกระตุกนั่นเอง อย่างไรก็ตาม การฉีดโบท็อกซ์จะมีฤทธิ์อยู่เพียง 3 – 6 เดือน การรักษาด้วยวิธีนี้จึงเป็นการรักษาแบบชั่วคราว ในบางคนที่มีอาการตากระตุกจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน
อาการตากระตุกแบบไหนที่ควรไปพบแพทย์
โดยทั่วไปแล้ว อาการตากระตุกเป็นอาการที่ไม่อันตราย มักเกิดขึ้นเป็นครั้งคราวและสามารถหายได้เอง หากใครมีอาการตากระตุกถี่ๆ อาจใช้วิธีแก้ไขที่กล่าวไปในข้างต้น อย่างไรก็ตาม หากมีอาการเหล่านี้ ควรไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจบ่งบอกถึงโรคอื่นๆ ได้
- มีอาการตากระตุกติดต่อกันเป็นเวลานานกว่า 2 สัปดาห์หรือนานกว่านั้น
- มีตำแหน่งที่เกิดการกระตุกมากขึ้น เช่น ตาอีกข้างกระตุก หรือมีอาการกระตุกที่บริเวณอื่นๆ บนใบหน้า
- บริเวณที่เกิดอาการตากระตุกมีอาการอ่อนแรงหรือหดเกร็ง
- มีอาการบวม แดง มีน้ำตาหรือมีของเหลวไหลออกมาจากดวงตา
- เปลือกตาด้านบนห้อยย้อยลงมาและรบกวนการมองเห็น
- เปลือกตาปิดสนิททุกครั้งที่มีการกระตุก
อาการตากระตุกสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน และโดยทั่วไปแล้วไม่ใช่อาการร้ายแรงทางสุขภาพแต่อย่างใด และเกิดจากหลายปัจจัยด้วยกัน เช่น การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ เกิดจากความเครียดวิตกกังวล การใช้สายตามากเกินไป การแพ้แสง ฯลฯ ซึ่งวิธีแก้ไขอาการตากระตุกนั้นก็สามารถทำได้หลายวิธีด้วยกัน อย่างไรก็ตาม หากมีอาการผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น เป็นมานานกว่า 2 สัปดาห์ มีการกระตุกบนใบหน้าในส่วนอื่นๆ ร่วมด้วย หรือมีของเหลวไหลออกมาจากดวงตา ควรไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคอื่นๆ ได้ค่ะ
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : samitivejhospitals.com, nhs.uk, mayoclinic.org
Featured Image Credit : freepik.com/cookie_studio
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ