“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
รู้จัก ส้มซ่า สรรพคุณ น่าสนใจ ช่วยลดอาการไอ แก้วิงเวียนได้จริง ?
โดยทั่วไปแล้ว ส้มเป็นผลไม้ที่หากินได้ง่าย มีขายทั้งตามห้างสรรพสินค้า ในตลาดสดทั่วไป รวมถึงร้านค้าต่างๆ แต่มีส้มชนิดหนึ่งที่ค่อนข้างหารับประทานได้ยาก ซึ่งก็คือ “ส้มซ่า” นั่นเอง ส้มซ่าเป็นผลไม้ไทยอีกชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์หลายประการ และยังสามารถนำไปประกอบอาหารได้ด้วย ทั้งนี้ กลิ่นและรสชาติของส้มซ่ามีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาก จะคล้ายมะกรูดก็ไม่ใช่มะนาวก็ไม่เชิง จึงทำให้ส้มซ่ามีความโดดเด่นมากเป็นพิเศษ มารู้จักส้มซ่ากันให้มากขึ้นว่า ส้มซ่า สรรพคุณ มีอะไรบ้าง ช่วยในเรื่องแก้ไอ ลดอาการเวียนหัวได้จริงหรือไม่ ? แล้วส้มซ่า ซื้อที่ไหนได้บ้าง ? ไปดูกันเลยค่ะ
ส้มซ่า สรรพคุณ น่าสนใจอย่างไรบ้าง? ชวนรู้จักผลไม้โบราณหายากที่เป็นได้ทั้งอาหารและยา
ส้มซ่า เป็นพืชที่อยู่ในวงศ์ Rutaceae มีชื่อเรียกอื่นๆ ว่า มะขุน ส้มส่า มะนาวควาย ส้มมะงั่ว รสชาติของส้มซ่าจะมีความเปรี้ยวหวานฉ่ำน้ำ มีเนื้อเยอะ รูปร่างของผลคล้ายมะนาว เปลือกหนา มีผิวขรุขระ เมื่อดิบเป็นสีเขียวและเมื่อสุกจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง สำหรับวิธีการกินส้มซ่านั้นสามารถกินได้ทั้งเนื้อและเปลือก ซึ่งในส่วนเปลือกนิยมนำมาทำอาหารได้หลากหลายเพราะมีกลิ่นหอมกว่า เช่น หมูแนม, ปลาแนม, หมี่กรอบ, ขนมจีนน้ำพริก เป็นต้น และในส่วนของเนื้อจะกินแบบส้มทั่วไปหรือใช้เป็นส่วนผสมในเมนูอาหารก็ได้เช่นกัน เช่น ใส่ในน้ำปรุงหมี่กรอบเพิ่มรสเปรี้ยวปนหวาน หรือ ปรุงรสให้กับขนมจีนน้ำพริก เรามาดูกันเลยค่ะว่าส้มซ่า สรรพคุณในด้านอื่นๆ จะน่าสนใจอย่างไรบ้าง
1. รักษาโรคผิวหนัง
ในตำรับยาสมุนไพรไทยโบราณ มีการใช้ใบของส้มซ่าเพื่อรักษาอาการทางโรคผิวหนังบางชนิด เช่น โรคสะเก็ดเงิน โดยนำเอาใบมาพอกตรงบริเวณที่เป็นโรคผิวหนัง หรือใช้ใบต้มน้ำอาบก็ได้
2. บรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะ
ความหอมของเปลือกส้มซ่า สรรพคุณสามารถบรรเทาอาการหน้ามืดและวิงเวียนศีรษะได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีน้ำมันหอมระเหยเป็นส่วนประกอบจำนวนมาก ซึ่งกลิ่นน้ำมันหอมระเหยจากส้มซ่ายังช่วยกระตุ้นการทำงานของฮอร์โมนเมลาโทนิน ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ช่วยลดความวิตกกังวล และทำให้นอนหลับง่ายขึ้นด้วย
3. แก้ไอ ขับเสมหะ
ส้มซ่านั้นเป็นสมุนไพรแก้ไอชนิดหนึ่งเนื่องจากเป็นผลไม้ที่มีความเปรี้ยวเช่นเดียวกับมะนาว จึงทำให้ส้มซ่า สรรพคุณสามารถช่วยบรรเทาอาการไอและขับเสมหะได้ด้วย หากใครที่มีอาการระคายคอแนะนำให้กินผลส้มซ่าหรือจิบน้ำส้มซ่าคั้นสดก็จะช่วยให้รู้สึกชุ่มคอและบรรเทาอาการไอได้
4. ป้องกันไม่ให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร
น้ำมันหอมระเหยที่อยู่ในเปลือกส้มซ่ามีสารชนิดหนึ่งชื่อว่า สารลิโมนีน ซึ่งเป็นสารชนิดหนึ่งที่พบได้ในเปลือกผลไม้ตระกูลส้ม มีคุณสมบัติช่วยป้องกันไม่ให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารได้ การกินเปลือกส้มซ่าที่อยู่ในอาหารจึงมีประโยชน์ในการป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะได้เป็นอย่างดี และมีสารเบตาไมอาซีน ที่ช่วยลดขนาดแผลในกระเพาะอาหารได้ด้วย
5. ช่วยต้านมะเร็ง
เปลือกส้มซ่าประกอบไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มฟีนอลหลายชนิด โดยเฉพาะวิตามินซี และสารกลุ่มฟลาโวโนน ส้มซ่า สรรพคุณจึงสามารถช่วยป้องกันการโรคมะเร็งชนิดต่างๆ ได้ เช่น มะเร็งเต้านม, มะเร็งปอด, มะเร็งลำไส้ รวมทั้งช่วยป้องกันการกระจายของมะเร็งไปที่ปอดได้ด้วย
เกร็ดสุขภาพ : สำหรับใครที่อยากใช้เปลือกของส้มซ่าในการทำอาหารแต่กลัวว่าจะติดรสขม สามารถปอกผิวของส้มซ่าได้โดยการวางผลส้มซ่าลงบนเขียงแล้วค่อยๆ เฉือนผิวเปลือกออกเป็นแนวโค้งตามผลส้มจากบนลงล่าง และระวังอย่าให้ติดส่วนที่เป็นสีขาวใต้เปลือกเพราะจะทำให้มีรสขม ซึ่งวิธีนี้จะทำให้เราได้ผิวของผลส้มซ่าที่ไม่ขมได้ จากนั้นจึงนำผิวของผลส้มซ่าที่ได้มาซอยเป็นเส้นตามยาวเพื่อนำไปประกอบอาหารอื่นๆ ต่อไป
แชร์ไอเดียเมนูเด็ดจากส้มซ่า ส้มซ่า สามารถเอาไปทำเมนูไหนได้บ้าง ?
ส้มซ่าเป็นผลไม้ที่สามารถใช้ทำอาหารได้ทั้งส่วนเนื้อและส่วนเปลือกผิว ซึ่งนิยมใส่ในอาหารเพื่อเพิ่มกลิ่นหอมเป็นหลัก โดยเฉพาะในเมนูอาหารไทยโบราณ และความพิเศษคือส้มซ่าสามารถเข้ากันได้ดีกับทั้งเมนูคาวและเมนูหวาน แล้วเมนูจากส้มซ่าจะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูพร้อมๆ กันเลยค่ะ
1. ยำเปลือกส้มซ่า
เมนูยำเปลือกส้มซ่าเมนูนี้ ให้รสชาติที่แปลกใหม่กว่ายำทั่วไป เพราะมีการใส่ผิวส้มซ่าเข้าไปด้วย ทำให้ได้สัมผัสกับรสและกลิ่นของส้มซ่าที่มีความหอมเป็นเอกลักษณ์ จัดจ้านครบรสกำลังดี ใครที่ชอบกินเมนูยำอยู่เป็นทุนเดิม จะต้องชื่นชอบเมนูนี้อย่างแน่นอน
วัตถุดิบ :
- ผิวส้มซ่าซอยบางๆ 1 ช้อนโต๊ะ
- กุ้งแชบ๊วย 5 ตัว
- หมูสามชั้นต้มสุกหั่นเป็นชิ้นพอคำ ½ ถ้วย
- หนังหมูต้มสุกหั่นเป็นเส้นบางๆ ⅓ ถ้วย
- หอมเจียว ½ ถ้วย
- กระเทียมเจียว ⅓ ถ้วย
- ถั่วลิสงคั่วโขลกหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลมะพร้าว ½ ถ้วย
- น้ำเปล่า 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะขามเปียก 3 – 4 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ :
- เริ่มจากการเตรียมน้ำยำก่อนโดยใส่น้ำตาลมะพร้าวและน้ำเปล่าต้มในหม้อให้ละลาย จากนั้นจึงเติมน้ำปลา น้ำมะขามเปียก ชิมจนได้รสชาติที่ชอบแล้วเคี่ยวต่อจนข้นประมาณ 3 – 5 นาที ปิดไฟ พักไว้ให้เย็น
- ต้มหมูสามชั้น หนังหมู และกุ้งให้สุกแล้วหั่นชิ้นให้พอดีคำ พักไว้
- ฝานเนื้อผิวส้มซ่าออกแล้วซอยให้เป็นชิ้นเล็กๆ บางๆ สามารถกะปริมาณตามความชอบได้เลยแต่อย่าให้มากเกินไปเพราะจะทำให้น้ำยำขมได้
- คลุกเคล้าส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากับน้ำยำแล้วตักเสิร์ฟ
2. สลิดฟูราดน้ำปลาพริกผิวส้มซ่า
เมนูถัดมาคือสลิดฟูที่ทำจากเนื้อปลาสลิดนำไปทอดให้ฟูกินคู่กับน้ำปลาพริกที่มีส่วนผสมของผิวส้มซ่า เป็นรสชาติอาหารไทยดั้งเดิมที่หอมอร่อยจนต้องบอกต่อเลยค่ะ
วัตถุดิบ :
- สลิดแดดเดียว 1 ตัว
- น้ำปลาพริก 2 ช้อนชา
- หอมแดง 1 หัว
- ผิวส้มซ่า
วิธีทำ :
- แล่เนื้อปลาสลิดออกอย่าให้ติดก้างแล้วนำมายีด้วยส้อมหรือสับให้ละเอียด
- ทอดเนื้อปลาสลิดที่ได้ให้ฟูจนเหลืองกรอบ
- ฝานเปลือกส้มซ่าซอยผสมในน้ำปลาพริกที่เตรียมไว้แล้วบีบมะนาวใส่เล็กน้อย
- จัดเสิร์ฟน้ำปลาพริกผิวส้มซ่าคู่กับปลาสลิดฟู รับประทานคู่กับข้าวสวย
3. ส้มฉุน
มาดูเมนูของหวานกันบ้างค่ะ ส้มฉุนนั้นเป็นเมนูของหวานไทยโบราณที่ในปัจจุบันเริ่มหากินได้ยากแล้ว เหมาะสำหรับการกินในช่วงอากาศร้อนๆ เพราะทำให้รู้สึกสดชื่นมากขึ้นด้วยความหอมหวานของส้มซ่า และที่สำคัญยังสามารถทำตามได้ง่ายด้วย
วัตถุดิบ :
- ลิ้นจี่
- ส้มซ่า 1 ผล
- น้ำเชื่อม 3 ถ้วยตวง
- ขิงซอย เล็กน้อย
- มะม่วงดิบซอย เล็กน้อย
- หอมเจียว 1 หยิบมือ
- ถั่วลิสงคั่ว 1 หยิบมือ
วิธีทำ :
- เตรียมน้ำเชื่อมให้ได้รสหวานตามความพอใจแล้วซอยเปลือกผิวส้มซ่าใส่ลงไปด้วย โดยใช้เปลือกที่เป็นสีเขียวเท่านั้น ระวังอย่าให้หั่นโดนตรงสีขาวเพราะจะทำให้ขมได้
- บีบน้ำส้มซ่าใส่ลงในน้ำเชื่อมด้วยเพื่อเพิ่มความกลมกล่อม และพักทิ้งไว้ 1 คืน
- ปอกเปลือกและคว้านลิ้นจี่เอาเฉพาะเนื้อใส่ลงในน้ำเชื่อมที่เตรียมไว้ ตกแต่งหน้าด้วยมะม่วง ขิงซอย โรยถั่วลิสงคั่วทุบ และหอมซอยตามชอบ
ส้มซ่า ซื้อที่ไหน ?
ต้องบอกว่าผลส้มซ่านั้นหาซื้อได้ยากก็จริง แต่ก็มีแหล่งที่ซื้อขายอยู่เช่นกัน โดยส่วนใหญ่จะเป็นแหล่งขายส่งผลไม้ขนาดใหญ่ เช่น ตลาดไท หรือจะซื้อต้นส้มซ่ามาปลูกไว้กินเองก็ได้ค่ะ เพราะมีวิธีการดูแลไม่ยากเลย ถ้าใครหาซื้อต้นกล้าไม่ได้ก็สามารถซื้อต้นส้มซ่าจากช่องทางออนไลน์ก็ได้เช่นกัน
1. ต้นกล้าส้มซ่า
ราคาโดยประมาณ : 70 – 135 บาท
2. ผลส้มซ่า
ราคาโดยประมาณ : 8 – 55 บาท
เกร็ดสุขภาพ : แม้ว่าเปลือกของผลส้มซ่าจะสามารถรับประทานได้ แต่น้ำมันหอมระเหยที่เปลือกผิวส้มซ่าก็อาจทำให้บางคนเกิดอาการแพ้ได้เช่นกัน โดยจะมีอาการร้อนที่ริมฝีปาก หรือร้อนท้อง และอาจทำให้เกิดการระคายเคืองที่ผิวได้เมื่อสัมผัส ดังนั้นควรทดสอบอาการแพ้ก่อนรับประทานเพื่อความปลอดภัย หากพบอาการผิดปกติใดๆ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
ส้มซ่าเป็นผลไม้ไทยโบราณที่มีความน่าสนใจมากมาย นอกจากส้มซ่าจะมีรสชาติเปรี้ยวหวานอร่อยแล้ว ก็ยังมีกลิ่นหอมที่โดดเด่นอีกด้วย เมื่อปรุงใส่ในอาหารจึงได้รสชาติและกลิ่นที่มีความเฉพาะตัวมากกว่าการใช้ผลไม้ชนิดอื่น และส้มซ่า สรรพคุณก็ยังดีต่อสุขภาพมากมาย สามารถใช้เป็นสมุนไพรไทย รักษาโรคได้ด้วย สำหรับช่องทางการซื้อผลไม้ชนิดนี้มารับประทานนั้น ส้มซ่า ซื้อที่ไหนได้บ้าง ก็มีทั้งในตลาดขายส่งผลไม้ ในช่องทางออนไลน์ก็มีขายอยู่บ้าง หรือจะปลูกเองที่บ้านก็ได้เหมือนกัน จะได้มีผลไม้ชนิดนี้รับประทานไปตลอดเลยค่ะ
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : chaipatpark.com, identity.bsru.ac.th, kaset.today, skm.ssru.ac.th
Featured Image Credit : vecteezy.com/sommai
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ