“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
วิตามินบำรุงเหงือก มีอะไรบ้าง ? พร้อมยี่ห้อวิตามินแนะนำ !
สุขอนามัยในช่องปากที่ไม่ดีสามารถนำไปสู่ปัญหาของโรคเหงือกได้ รวมถึงอาการลิ้นแตก ร้อนใน ทั้งนี้คนส่วนใหญ่มักมองข้ามเหงือก แล้วไปเน้นที่การยิ้มให้เห็นฟันขาวกระจ่างใสแทน แต่ทว่าสุขภาพฟันที่ดีนั้นต้องการเหงือกที่แข็งแรง เพราะการเป็นโรคเหงือกอาจทำให้ฟันหลุดร่วงได้ โชคดีที่เพื่อนๆ สามารถดูแลเหงือกได้หลายวิธี ทั้งการแปรงฟันอย่างถูกวิธี การเลือกยาสีฟันที่เหมาะสม ตรวจสุขภาพฟันเป็นประจำ และเลิกบุหรี่ สิ่งสำคัญอีกอย่างคือ เพื่อนๆ สามารถป้องกันโรคเหงือกเเละดูเเลด้วย วิตามินบำรุงเหงือก
วิตามินบำรุงเหงือก เลือกให้ดี เพื่อสุขภาพของช่องปาก
เพื่อนๆ สามารถบำรุงเหงือกของตนเองโดยการเลือกวิตามินบำรุงเหงือกดังต่อไปนี้
1. วิตามินซีจากส้มยูสุ Always
ประโยชน์ของวิตามินซีในฐานะวิตามินบำรุงเหงือกนั้น มาจากการที่วิตามินซีเป็นสิ่งจำเป็นต่อการผลิตโปรตีนโครงสร้างที่เรียกว่า คอลลาเจน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของเหงือก ด้วยเหตุนี้การขาดวิตามินซีจึงส่งผลให้เหงือกอักเสบ เลือดออก และเหงือกอักเสบได้ ทั้งนี้เมื่อเลือกวิตามินบำรุงเหงือกชนิดนี้แล้ว เพื่อนๆ ยังได้ประโยชน์อื่นๆ อีกคือ ช่วยในการรักษาและป้องกันโรคหวัด ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรงและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ
วิธีกิน : ครั้งละ 1 เม็ด วันละ 2 ครั้ง หลังอาหารเช้าและเย็น
ขนาดบรรจุ : 90 เม็ด/กล่อง
ราคาโดยประมาณ : 86-99 บาท
2. วิตามินดี 3 ของ California Gold Nutrition
วิตามินดีมีบทบาทสำคัญในสุขภาพช่องปากและสุขภาพเหงือก เป็นวิตามินบำรุงเหงือกโดยการเพิ่มระบบป้องกันแบคทีเรียในร่างกาย รักษาเนื้อเยื่อเหงือกให้แข็งแรง และลดการอักเสบในเหงือก ทั้งนี้วิตามินดี 3 เป็นวิตามินดีที่ร่างกายต้องการสำหรับกระบวนการเผาผลาญอาหาร นอกจากนี้ยังช่วยควบคุมการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส เสริมสร้างกระดูกและฟัน และสนับสนุนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
วิธีกิน : วันละ 1 เม็ด พร้อมมื้ออาหาร
ขนาดบรรจุ : 90 เม็ด/กล่อง
ราคาโดยประมาณ : 210-240 บาท
เกร็ดสุขภาพ : นอกเหนือจากวิตามินบำรุงเหงือกแล้ว วิธีดูแลบำรุงเหงือกให้แข็งแรงซึ่งจะช่วยป้องกันโรคเหงือกได้ง่ายๆ คือ
1) แปรงฟันให้ถูกวิธี : โดยแปรงฟันวันละ 2 ครั้งด้วยยาสีฟันฟลูออไรด์ และเปลี่ยนแปรงสีฟันทุก 3 ถึง 4 เดือน
2) ใช้ไหมขัดฟันทุกวัน : เพราะไหมขัดฟันจะขจัดอาหารและคราบพลัคออกจากระหว่างฟันและเหงือก หากอาหารและคราบพลัคยังคงอยู่ในบริเวณเหล่านี้ อาจทำให้เกิดหินปูนซึ่งเป็นแบคทีเรียที่สะสมตัวและสามารถนำไปสู่โรคเหงือก
3) บ้วนปากหลังจากรับประทานอาหาร : เพื่อกำจัดเศษอาหารและแบคทีเรียที่อาจทำให้เกิดคราบพลัคและหินปูนได้- การเลิกบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่ทำให้เป็นโรคเหงือกได้ง่ายขึ้นเนื่องจากภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง
3. โคเอนไซม์ คิวเท็น Puritan’s Pride
ผู้ที่รับประทานโคเอนไซม์คิวเทน วิตามินบำรุงเหงือก พบว่าการอักเสบของเหงือกลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เพราะเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญมาก ร่างกายไม่สามารถขาดได้ เพราะหากขาดเมื่อไร ร่างกายจะหยุดทำงานทันที ทำให้มีบทบาทสำคัญในการเป็นวิตามินบำรุงเหงือก ช่วยรักษาโรคเหงือก ชะลอความผิดปกติและการเกิดโรคพาร์กินสันได้
วิธีกิน : ครั้งละ 1 เม็ด วันละ 1-2 ครั้ง พร้อมอาหาร
ขนาดบรรจุ : 60 เม็ด/กล่อง
ราคาโดยประมาณ : 349-424 บาท
เกร็ดสุขภาพ : ผลการศึกษาเกี่ยวกับสุขภาพของช่องปากแสดงให้เห็นว่าอาหารบางอย่างมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพช่องปากและลดความเสี่ยงต่อโรคปริทันต์ ที่นอกเหนือจากวิตามินบำรุงเหงือกตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น อาหารชนิดแรกคือ เคอร์คูมิน ซึ่งพบเป็นส่วนประกอบสำคัญของขมิ้นที่เป็นเครื่องเทศยอดนิยมของผู้คนทั่วไป การศึกษาพบว่า เคอร์คูมินมีฤทธิ์ต้านการอักเสบที่น่าสนใจ และยังมีบทบาทสำคัญในการรักษาโรคปริทันต์ นอกจากฤทธิ์ต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระแล้ว เคอร์คูมินยังมีคุณสมบัติต้านแบคทีเรียที่เกี่ยวข้องกับโรคเหงือกอักเสบ โดยพบว่าเคอร์คูมินยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่เป็นอันตราย ลดเลือดออกและการอักเสบของเหงือก รวมถึงลดคราบพลัคในผู้ที่เป็นโรคปริทันต์ อาหารชนิดที่สองคือ ชาเขียว ไม่ว่าจะเป็นการจิบชาเขียวเพื่อรับสารสกัดจากชาเขียว หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีชาเขียวกับเหงือก ล้วนส่งผลดีต่อสุขภาพช่องปาก เพราะชาเขียวช่วยลดการอักเสบและยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ซึ่งเป็นประโยชน์บำรุงเหงือกต่อผู้ที่เป็นโรคเหงือก ผลการศึกษาที่ใช้หมากฝรั่งชาเขียว เจลชาเขียว ยาสีฟันชาเขียว และน้ำยาบ้วนปากชาเขียว พบว่า ช่วยลดคราบพลัค การอักเสบ และการเลือดออกของเหงือกในผู้ที่เป็นโรคปริทันต์ได้ดี ส่วนการดื่มชาเขียวทุกวันเป็นเวลา 6 สัปดาห์สามารถลดเลือดออกจากเหงือกในผู้ที่เป็นโรคปริทันต์ นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรแก้ปวดฟัน ข่อย ที่มีประโยชน์คล้ายๆ กัน
โรคปริทันต์หรือโรคเหงือกอักเสบเป็นภาวะผิดปกติที่ส่งผลต่อเหงือก กระดูกขากรรไกร เนื้อเยื่อเกี่ยวพันในปาก ถึงแม้ว่าจะมีสาเหตุของโรคหลายประการแต่ประมาณ 90% ของผู้ที่ป่วยด้วยโรคนี้เกิดขึ้นจากการสะสมของคราบจุลินทรีย์ทำให้เกิดเหงือกอักเสบขึ้น และเป็นสาเหตุของกลิ่นปาก โดยการอักเสบเรื้อรังนี้อาจนำไปสู่การทำลายฟันและเนื้อเยื่อที่รองรับฟันในเวลาต่อมาได้ แต่ถ้าเพื่อนๆ ใช้วิตามินบำรุงเหงือกเป็นประจำ อาการของโรคนี้ก็จะบรรเทาหรือป้องกันไม่ให้เกิดโรคนี้ได้
Featured Image Credit : freepik.com
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ