“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
แอปริคอต คือ อะไร ? ประโยชน์เยอะแค่ไหน รู้จักผลไม้ที่ถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในสีของปี 2024 กัน !
แอปริคอตเป็นผลไม้ที่มีลักษณะคล้ายกับลูกพีช แอปริคอตมีสีส้มอมแดงเมื่อสุกแล้ว และมีรสชาติหวานอมเปรี้ยว เนื้อด้านในนุ่มและแน่น ผลแอปริคอตนอกจากจะนิยมรับประทานสดแล้ว ยังสามารถนำมาแปรรูปเป็นไวน์ แยม หรือเครื่องดื่มต่างๆ ได้อีกด้วย แอปริคอตเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เนื่องจากอุดมไปด้วยวิตามิน เกลือแร่ ใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายอย่าง และในบทความนี้ เพื่อสุขภาพ จะมาเล่าเรื่องผลไม้ชนิดนี้ให้ได้รู้จักกันเพิ่มเติมค่ะ
แอปริคอต คือ อะไร ? รู้จักผลไม้ที่ถูกเลือกให้เป็นสีแห่งปี 2024 กัน !
แอปริคอต คือผลไม้สีสวย มากประโยชน์ ที่ถูกเลือกให้เป็น 1ใน 5 สีแห่งปี 2024 ประกาศโดย WGSN (World Global Style Network) และ Coloro (บริษัทสีชั้นแนวหน้าของโลก) ซึ่งสีหลักของปี 2024 นั้นเรียกว่า Apricot Crush เป็นสีของผลไม้หวานอมเปรี้ยวชนิดนี้ สื่อถึงการฟื้นฟู ความสดชื่น มีพลัง และความสดใส
เกร็ดสุขภาพ : แอปริคอท คือสีอะไร ? Apricot Crush เป็นสีที่พัฒนามาจากสี Peachy เป็นสีตั้งต้น รวมกับสี Faded Citrus และ Papaya Smoothie จนกลายเป็นสีน่ารัก เต็มไปด้วยชีวิตชีวาอย่าง Apricot Crush นั่นเอง
ประโยชน์แอปริคอต คืออะไรบ้าง ?
- อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ : แอปริคอตเป็นแหล่งอุดมสมบูรณ์ของสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินอี ดังนั้นสารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้จะช่วยกำจัดอนุมูลอิสระ และอาจลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งบางชนิด โรคหัวใจ และโรคระบบประสาท
- ช่วยบำรุงสายตาให้แข็งแรง : แอปริคอตมีปริมาณวิตามินเอสูงในรูปของเบตาแคโรทีน ช่วยส่งเสริมการมองเห็นที่ดี และป้องกันภาวะตาบอดกลางคืน การเสื่อมสภาพจุดภาพบนจอประสาทตาเนื่องจากอายุ
- ช่วยเรื่องการย่อยอาหาร : แอปริคอตเป็นแหล่งใยอาหารที่ดี ช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติ และส่งเสริมสุขภาพระบบย่อยอาหารโดยการหล่อเลี้ยงแบคทีเรียดีในลำไส้
- ควบคุมระดับความดันโลหิต : แอปริคอตมีโปแตสเซียม ซึ่งช่วยจัดการโซเดียม และควบคุมระดับความดันเลือด
- เสริมสร้างสุขภาพผิว : วิตามินซี วิตามินเอ และสารต้านอนุมูลอิสระในแอปริคอตนั้นจะช่วยดูแลผิวพรรณ ป้องกันรังสียูวี และช่วยให้แผลหายได้เร็วขึ้น
- อาจช่วยป้องกันภาวะโลหิตจาง : แอปริคอตมีธาตุเหล็ก ทองแดง และวิตามินซี ซึ่งเพิ่มการผลิตเม็ดเลือดแดง และป้องกันภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก
- มีคุณสมบัติต้านอักเสบ : สารประกอบ เช่น คาเทชินในแอปริคอตมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ซึ่งอาจช่วยลดการอักเสบ และความเสี่ยงของโรคเช่นข้ออักเสบได้
- ช่วยเรื่องสุขภาพกระดูก : แอปริคอตให้วิตามินเค และแมงกานีส ซึ่งมีช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก
ข้อควรระวังในการกินแอปริคอต คืออะไร ?
แม้ว่าแอปริคอตจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย แต่ก็ยังมีข้อควรระวังบางประการในการบริโภค มีอะไรบ้าง มาอ่านกันต่อค่ะ
- อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ : บางคนอาจแพ้โปรตีนในแอปริคอต ทำให้เกิดอาการแพ้เช่น คัน ผื่นคัน หรืออาการภูมิแพ้อื่นๆ
- ปัญหาเรื่องขับถ่าย : เนื่องจากแอปริคอต คือมีใยอาหารสูง ดังนั้นการกินในปริมาณมากเกินไปอาจนำไปสู่อาการท้องอืด หรือท้องผูกได้ จึงควรเริ่มจากปริมาณที่น้อยก่อน
- ผู้ป่วยนิ่ว : คนที่เป็นนิ่วในไตหรือนิ่วในกระเพาะปัสสาวะควรระมัดระวัง เนื่องจากแอปริคอตมีกรดออกซาลิกสูง ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของการเกิดนิ่ว
- ส่งผลต่อยาบางชนิด : สารในแอปริคอตอาจมีปฏิกิริยากับยาบางชนิด เช่น ยาลดความดันโลหิต ยาต้านเบาหวาน ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์ก่อนบริโภค
- ข้อควรระวังสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน : แอปริคอตมีรสหวานจากน้ำตาลฟรุกโตส ผู้ป่วยเบาหวานควรควบคุมปริมาณการบริโภคอย่างระมัดระวัง
- การแพร่กระจายของเชื้อรา : ในผลสุกนั้น อาจมีการแพร่กระจายของเชื้อราบางชนิดซึ่งเป็นอันตรายได้ จึงควรกินแอปริคอตที่สดใหม่ และไม่มีรอยด่างดำ
กินแอปริคอต ยังไงดี ?
รู้จักแอปริคอตกันมากขึ้นแล้ว ได้คำตอบไปแล้วว่า แอปริคอท คือสีอะไร ทีนี้ลองมาดูไอเดียการกินแอปริคอตให้อร่อย และมีประโยชน์กันดีกว่าค่ะ
- กินแอปริคอตแบบผลสด : เลือกผลที่สุกเต็มที่ มีสีส้มอมแดงสวย ไม่มีรอยด่างดำหรือเน่าเสีย อย่าลืมล้างน้ำให้สะอาดก่อน และสามารถกินคู่กับผลไม้ชนิดอื่นๆ ได้เลยนะคะ
- ทำน้ำแอปริคอตสกัดเย็น : คั้นแอปริคอตสดผสมกับน้ำเปล่า หรือน้ำผลไม้อื่นๆ เสิร์ฟเย็นพร้อมก้อนน้ำแข็ง โรยด้วยลูกเกด เพิ่มลูกเล่นความอร่อยก็ได้ค่ะ
- ใช้ทำอาหาร หรือขนม : ใส่แอปริคอตลงในสลัด สมูทตี้ หรือโยเกิร์ต หรือจะทำเป็นแยมแอปริคอต หรือว่าจะใช้เป็นวัตถุดิบในขนมปังและเค้ก นอกจากนั้นยังสามารถอบแอปริคอตสดให้แห้งแล้วนำมาทำเป็นของกินเล่นก็ได้
- แช่แข็งแอปริคอตเพื่อรักษาคุณค่าทางอาหาร : สามารถแช่แข็งแอปริคอตสดได้นานหลายเดือน เมื่ออยากกินก็นำมาละลายแล้วกินสดๆ หรือนำไปประกอบอาหารได้
- แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ : ไม่ว่าจะทำไวน์แอปริคอต หรือนำแอปริคอตแห้งมาชงเป็นชาสมุนไพร หรือว่าจะสกัดน้ำมันจากแอปริคอตไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องสำอางก็ยังได้
เป็นยังไงบ้างคะ การกินแอปริคอตในหลากหลายรูปแบบจะทำให้ได้รับประโยชน์ และคุณค่าทางอาหารอย่างครบถ้วน และไม่ทำให้เบื่ออีกด้วยล่ะค่ะ
เกร็ดสุขภาพ : ถิ่นกำเนิดดั้งเดิมของแอปริคอต คือบริเวณภูมิภาคเอเชียกลาง โดยเฉพาะในดินแดนตะวันออกของตุรกี อิหร่าน อาร์เมเนีย และจีนตอนเหนือ แอปริคอตจัดอยู่ในพืชสกุล Prunus คาดว่ามีถิ่นกำเนิดในแถบภูเขาของทิเบต จีน และเอเชียกลาง โดยมีหลักฐานทางพฤกษศาสตร์และโบราณคดีพบว่ามีการเพาะปลูกแอปริคอตมาตั้งแต่ช่วง 3,000 – 4,000 ปีก่อนคริสตกาล ชาวจีนโบราณเป็นกลุ่มแรกๆ ที่นำแอปริคอตมาเพาะปลูกและบริโภค จากนั้นความนิยมของแอปริคอตก็แพร่กระจายไปยังดินแดนโบราณของเปอร์เซียและกรีก ก่อนที่จะแพร่หลายไปทั่วทุกมุมโลก ปัจจุบันแอปริคอตเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของหลายประเทศ โดยประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ ได้แก่ ตุรกี, อิหร่าน, อุซเบกิสถาน, อิตาลี, สเปน และสหรัฐอเมริกา แม้จะเป็นพืชเมืองร้อนก็ตาม แต่แอปริคอตก็สามารถเจริญเติบโตได้ดีในเขตภูมิอากาศอบอุ่นแบบสภาพเมดิเตอร์เรเนียน
แอปริคอต อบแห้ง ได้สารอาหารแบบ แอปริคอตสดมั้ย ?
แอปริคอตอบแห้งและแอปริคอตสดนั้น มีคุณค่าทางโภชนาการที่คล้ายคลึงกันในบางส่วน แต่ก็มีความแตกต่างกันบ้างในเรื่องของปริมาณสารอาหารบางชนิด ซึ่งคุณค่าทางโภชนาการที่คล้ายคลึงกันนั้น ได้แก่
- มีวิตามินเอ และเบต้าแคโรทีน จึงเป็นแหล่งสำคัญที่จะช่วยบำรุงสายตา (สนใจเรื่องสมุนไพรบำรุงสายตา อ่านเพิ่มเติมได้เลยนะคะ)
- มีวิตามินอี สารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งอาจช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์
- อุดมไปด้วยใยอาหาร ช่วยบำรุงระบบย่อยอาหาร
- มีโพแทสเซียมช่วยควบคุมความดันโลหิต
ได้รู้จักส่วนที่คล้ายคลึงกันไปแล้ว ทีนี้ลองมาดูส่วนที่แตกต่างกันบ้างนะคะ
- แอปริคอตอบแห้งมีปริมาณน้ำตาลจากการอบแห้งสูงกว่า แต่ก็มีกากใยสูงกว่าด้วยเช่นกัน
- แอปริคอตสดมีวิตามินซีสูงกว่า แอปริคอตอบแห้ง เนื่องจากวิตามินซีจะสูญเสียไปบางส่วนในกรรมวิธีการอบแห้ง
- แร่ธาตุบางชนิดเช่น เหล็ก แคลเซียม ในแอปริคอตสดมักมีปริมาณสูงกว่าแบบอบแห้ง
โดยรวมแล้ว แอปริคอตอบแห้งยังคงคุณค่าทางโภชนาการสำคัญๆ ไว้ได้ในระดับที่ใกล้เคียงกับแอปริคอตสด ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการบริโภคนอกฤดูกาล นอกจากนี้การทำให้แห้งยังช่วยยืดอายุการเก็บรักษาผลไม้ได้นานกว่าด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม การบริโภคแอปริคอตสดนั้นจะได้รับสารอาหารบางอย่างในปริมาณที่มากกว่า เช่น วิตามินซี ดังนั้นการกินทั้งแอปริคอตสด และอบแห้งร่วมกันจึงเป็นวิธีที่ดีกว่าในการดูแลสุขภาพค่ะ
แล้วแอปริคอตอบแห้ง กินยังไงได้บ้าง ?
มีไอเดียสำหรับการกินแอปริคอตแบบแห้งมาให้เพิ่มเติมค่ะ มาดูกันต่อว่า ถ้าเป็นแบบแห้งจะกินแบบไหนได้บ้าง
- กินแอปริคอตแห้งแบบเปล่าๆ : กินเป็นของว่าง ได้คุณค่าทางโภชนาการ มีรสหวานกรอบ
- โรยหน้าเมนูของว่างต่างๆ : ไม่ว่าจะกนกับโยเกิร์ต โรยหน้าโยเกิร์ต, กินกับผลไม้สดอื่นๆ หรือกินคู่กับถั่ว ธัญพืชต่างๆ เช่น แมคคาเดเมีย ก็ได้
- ใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารหลัก : เช่น โรยหน้าสลัดผัก หรือผัดรวมกับข้าว หรือผสมในแป้งขนมปัง หรือคุกกี้เพื่อเพิ่มรสชาติและใยอาหารให้กับเมนูที่ทำ
- ทำเป็นแยมหรือกัมมี่แอปริคอตอบแห้ง : นำไปต้มในน้ำ และน้ำตาลเพื่อทำเป็นแยม หรือนำไปนวดให้นิ่มผสมกับน้ำผึ้งและเจลาตินทำเป็นกัมมี่ก็อร่อยดีนะคะ
- ชงเป็นชาสมุนไพร : นอกจากชาหมัก Kombucha แล้วชาผลไม้ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ลองนำแอปริคอตอบแห้งมาต้มกับน้ำร้อน จิบเป็นชาหวานหอม
- ปั่นสมูทตี้ผสมแอปริคอตแห้ง : ลองปั่นรวมกับนมถั่วเหลือง ผลไม้สด ผัก และไอศกรีมก็อร่อยน่าสนใจ
การกินแอปริคอตอบแห้งในหลากหลายรูปแบบจะช่วยเพิ่มใยอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุที่ดีต่อสุขภาพ ลองนำไปทำตามกันดูนะคะ
Featured Image Credit : vecteezy.com/calamitysyl
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ