“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
วิธีแก้อาการกรดไหลย้อน ทำอย่างไร ? ชวนเช็คก่อนสายเกินแก้
หลายๆ คนเคยได้ยินเกี่ยวกับโรคกรดไหย้อนมาบ้างไม่ก็น้อย ซึ่งโรคกรดไหลย้อนถือว่าเป็นโรคที่ไม่ว่าใครก็สามารถมีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้ได้ ถึงแม้ว่าโรคนี้จะไม่ได้มีอันตรายถึงชีวิต แต่ถ้าหากปล่อยปะละเลยจนกลายเป็นโรคเรื้อรัง โรคกรดไหลย้อนก็อาจทำให้การดำเนินชีวิตประจำวันของเราลำบากมากขึ้นก็เป็นได้ ดังนั้นแล้ว เราจึงอาสาพาทุกคน ไปทำความรู้จักกับโรคกรดไหลย้อนว่าคืออะไร กรดไหลย้อนสาเหตุเกิดจากอะไร อาการเป็นอย่างไรบ้างและวิธี แก้อาการกรดไหลย้อน ควรทำอย่างไร
กรดไหลย้อนคืออะไร?
กรดไหลย้อน ที่ในทางการแพทย์เรียกว่า Gastroesophageal Reflux Disease หรือ GERD จัดเป็นโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารที่เกิดจากน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร ได้ทำการไหลย้อนได้ทำการไหลย้อนขึ้นไปยังหลอดอาหาร และก่อให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอก ซึ่งถ้าหากถามว่าโรคกรดไหลย้อนอันตรายไหม คำตอบไม่มีอันตรายจนถึงชีวิต แต่หากปล่อยไว้จนกลายเป็นอาการเรื้อรัง อาจส่งผลทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยย่ำแย่ลง และทำให้เกิดความลำบากมากขึ้นในการใช้ชีวิตประจำวัน ถ้าหากไม่รู้จักวิธี แก้อาการกรดไหลย้อน และวิธีรักษาอย่างถูกต้อง
กรดไหลย้อนสาเหตุเกิดจากอะไร
โรคกรดไหลย้อนนั้นมีสาเหตุอยู่หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นลักษณะการใช้ชีวิตประจำวัน หรือเกิดจากความผิดปกติของอวัยวะภายในของร่างกายเรา
- เกิดจากการกินอาหารที่ไม่เป็นเวลา เกิดจากการกินเยอะผิดปกติ หรือเมื่อกินเสร็จแล้วนอนทันที ซึ่งจะทำให้หูรูดของหลอดอาหารมีการทำงานที่ผิดปกติ และทำให้กรดจากกระเพาะสามารถขึ้นไปยังหลอดอาหารได้
- เกิดจากการกินอาหารที่มีรสชาติเปรี้ยวจัดเป็นประจำ หรือกินอาหารที่สามารถก่อให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหารได้จำนวนมาก เช่น น้ำอัดลม ผลิตภัณฑ์จากนม ถั่วชนิดต่างๆ หัวหอม เป็นต้น
- เกิดจากการที่มีภาวะความเครียด เพราะว่าหลอดอาหารของผู้ที่มีความเครียดสูงนั้น จะมีการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นได้ไวกว่าหลอดอาหารของคนทั่วไป ซึ่งเมื่อมีกรดเข้ามาในหลอดอาหารเพียงเล็กน้อย ก็จะก่อให้เกิดอาการที่รุนแรงได้
- เกิดขึ้นมาจากปัจจัยอื่นๆ เช่น การรับประทานยาบางชนิด การตั้งครรภ์ การสูบบุหรี่ โรคอ้วน
อาการของโรคกรดไหลย้อน
อาการต่างๆ เหล่านี้ สามารถใช้สำหรับตรวจสอบได้ว่า ตอนนี้เราเป็นโรคกรดไหลย้อนหรือเปล่า
- รู้สึกแสบร้อน หรือจุกเสียดบริเวณกลางอก ซึ่งมักจะเกิดหลังจากที่กินอาหารในปริมาณที่มาก หรือทำการนอนทันทีหลังจากกินเสร็จ
- รู้สึกแน่นท้อง ท้องอืด รู้สึกเหมือนกับว่ามีแก๊สจำนวนมากอยู่ในกระเพาะอาหาร ซึ่งมีอาการคล้ายกับอาหารไม่ย่อย
- มีอาการเรอเปรี้ยวไหลย้อนขึ้นมาในปาก และอาจทำให้รู้สึกคลื่นไส้อาเจียนได้ หลังกินอาหารในปริมาณที่มาก
- รู้สึกปวดบริเวณลำคอ คล้ายกับมีก้อนวัตถุติดอยู่ในคอ
- ในบางราย อาจมีอาการไอแห้ง และเสียงแหบร่วมด้วย
เกร็ดสุขภาพ : ผลกระทบอีกหนึ่งอยากโรคกรดไหลย้อนนั่นคือ อาจทำให้เรานอนไม่หลับได้ ซึ่งสาเหตุของการนอนไม่หลับนั้นมีมากมาย แต่ถ้านอนไม่หลับนั้นเกิดจากโรคกรดไหลย้อนแล้ว จะทำให้อาการยิ่งมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น เพราะนอกจากความอ่อนเพลียเนื่องจากการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอแล้ว ยังจะทำให้มีอาการแสบกลางอก และอาจทำให้ไม่สามารถนอนต่อได้เลย ดังนั้น วิธีแก้อาการกรดไหลย้อนจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
วิธีการหลีกเลี่ยง และรักษากรดไหลย้อนด้วยตัวเอง
ถ้าหากถามว่าโรคกรดไหลย้อนอันตรายไหม คงต้องตอบว่าไม่มีอันตรายถึงชีวิต แต่เราก็ไม่ควรที่จะปล่อยปะละเลยจนกลายเป็นโรคเรื้อรัง และทำให้การใช้ชีวิตของเราลำบากขึ้น ดังนั้นเราควรทำการเรียนรู้วิธีแก้อาการกรดไหลย้อน เพื่อลดโอกาสที่จะก่อให้เกิดโรคนี้ให้ได้มากที่สุด
- แบ่งปริมาณอาหารในแต่ละมื้อ
เมื่อหนึ่งในสาเหตุของโรคกรดไหลย้อนคือ การกินในแต่ละมื้อที่มากจนเกินไป ดังนั้นวิธีแก้ นั่นคือการแบ่งอาหารในแต่ละมื้อให้กินถี่มากขึ้น แต่กินในปริมาณที่น้อยลง เช่น ปกติแล้วกิน 3 มื้อต่อวัน และกินในปริมาณที่มาก ก็เลือกที่จะเปลี่ยนมาเป็น กินวันละ 5-6 มื้อ แต่กินในปริมาณที่น้อยลง
- หลีกเลี่ยงอาหารบางชนิด
หนึ่งในการรักษากรดไหลย้อนด้วยตัวเองที่สำคัญนั่นก็คือ การหลีกเลี่ยงอาหารบางชนิด ได้แก่ อาหารที่ก่อให้เกิดแก๊สในกระเพาะเป็นจำนวนมาก เช่น ถั่ว น้ำอัดลม กระเทียม อาหารรสจัด และควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง
- กินเสร็จอย่าเพิ่งนอน
การกินแล้วนอนทันทีนั้น ถือว่าเป็นสาเหตุสำคัญของโรคกรดไหลย้อนเลยก็ว่าได้ ดังนั้นเมื่อกินอาหารเสร็จ โดยเฉพาะอาหารมื้อใหญ่แล้ว ควรทำการนั่งหรือยืน เพื่อให้น้ำย่อยในกระเพาะทำงานได้อย่างปกติ ไม่ไหลย้อนขึ้นมาอยู่บริเวณหลอดอาหาร และที่สำคัญ ควรกินอาหารให้เสร็จก่อนที่จะนอนประมาณ 3 ชั่วโมง จะเป็นเวลาที่ดีที่สุด
หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหลังกินอาหาร
สิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งคือ การออกกำลังกายทันทีหลังจากกินอาหารเสร็จ เพราะนั่นจะทำให้กระเพาะเกิดการทำงานผิดปกติ และอาจส่งผลไปยังน้ำย่อยให้ไหลย้อนขึ้นไป
- ควบคุมน้ำหนัก และหมั่นออกกำลังกายแบบสม่ำเสมอ
การหมั่นออกกำลังกาย นอกจากจะได้สุขภาพที่ดีแล้ว ยังสามารถลดน้ำหนัก และลดไขมันบริเวณหน้าท้องที่เป็นหนึ่งในสาเหตุของโรคกรดไหลย้อนได้อีกด้วย แต่ควรออกกำลังแบบพอดี และเลือกการออกกำลังกายที่เหมาะกับตัวเรา
- หากเกิดอาการกรดไหลย้อนขึ้นในขณะที่นอน
ควรใช้ท่านอนแก้ปวดท้องกระเพาะเข้าช่วย ซึ่งสามารถทำได้โดยการ นำหมอนมาหนุนเสริมเพื่อให้บริเวณลำคอของเราสูงขึ้น และนำหมอนมาหนุนเอว เพื่อให้บริเวณเอวยกสูงขึ้นเล็กน้อย และอาจรับประทานยาที่มีส่วนช่วยในการแก้อาการของกรดไหลย้อนร่วมด้วย เพื่อให้วิธีแก้อาการกรดไหลย้อนนี้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น
เกร็ดสุขภาพ : เราสามารถรักษากรดไหลย้อนด้วยตัวเองได้อีกวิธี นั่นคือ วิธีแก้อาการกรดไหลย้อนด้วยท่านั่งกรดไหลย้อน โดยการนั่งแบบนี้ จะต้องนั่งให้หลังตรง ไม่ให้ไหล่ห่อ ซึ่งท่านี้ควรทำอย่างยิ่งหลังจากกินอาหารเสร็จ เพื่อที่จะได้ลดโอกาสการเกิดอาการกรดไหลย้อนตั้งแต่เนิ่นๆ
โรคกรดไหลย้อน โรคที่ถ้าหากปล่อยปะละเลยเอาไว้ จะส่งผลต่อชีวิตประจำวันของเราอย่าง แต่โรคกรดไหลย้อนก็อาจจะไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดถ้าหากเราทราบถึงวิธีแก้อาการกรดไหลย้อนอย่างถูกต้อง เช่น การใช้ท่านั่งกรดไหลย้อนหลังจากกินอาหารเสร็จ หรือการที่ไม่นอนทันทีหลังจากกิน สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ทุกคนลดโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดโรคกรดไหลย้อนแน่นอนครับ
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : bangkokhospital.com, phyathai.com, sikarin.com
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ