“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
วิธีแก้ปวดท้องท้องเสีย ต้องดูแลตัวเองยังไง เมื่ออาการท้องเสียมาเยือน ?!
อาการท้องเสียหรือท้องร่วง เป็นหนึ่งในการรักษาด้านสุขภาพที่พบบ่อยที่สุด ที่มีตั้งแต่อาการไม่รุนแรงชั่วคราวไปจนถึงภาวะที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ซึ่งอาการหลักๆ ของท้องเสียนั้นคือมีลักษณะอุจจาระเหลวผิดปกติหรือเป็นน้ำ โดยทั่วไปหากคนเราอุจจาระบ่อยแต่มีความสม่ำเสมอปกตินี่ไม่ใช่อาการท้องเสียหรือท้องร่วงที่เป็นอันตราย แต่หากมีการถ่ายเป็นน้ำตลอดเวลานั้น อาจต้องดูแลและรักษาอาการเบื้องต้นเพื่อไม่ให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากเกินไป เราจะมาแนะนำถึงการดูแลตัวเองเมื่อมีอาการท้องเสีย สาเหตุ วิธีแก้ปวดท้องท้องเสีย ไปจนถึงการรักษา การป้องกัน และเมื่อไหร่กันที่ควรไปพบแพทย์ ให้ทุกคนได้รู้กันค่ะ
- วิธีแก้ปวดท้องท้องเสีย ดูแลตัวเองยังไง และสาเหตุท้องเสียเกิดจากอะไรบ้าง ?
อาการท้องเสียส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดการติดเชื้อนี้ ได้แก่ แบคทีเรีย ไวรัส สิ่งมีชีวิตที่เป็นปรสิต และความผิดปกติของระบบย่อยอาหารก็อาจทำให้เกิดอาการท้องเสียเรื้อรังได้ นอกจากนี้โรคลำไส้แปรปรวน (IBS) ก็เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของอาการท้องเสียด้วย
ส่วนสาเหตุอื่นๆ นั้นได้แก่ การดื่มแอลกอฮอล์ การแพ้อาหารบางชนิด โรคเบาหวาน โรคของลำไส้ การกินอาหารที่ทำให้ระบบย่อยอาหารแย่ลง การใช้ยาระบาย การใช้ยาบางชนิด โรคไทรอยด์ การรักษาด้วยการฉายรังสี โรคมะเร็งบางชนิด และปัญหาในการดูดซึมสารอาหารบางชนิด ซึ่งอาการท้องเสียนั้นอาจตามมาด้วยอาการท้องผูกได้ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีอาการลำไส้แปรปรวน
- อาการของท้องเสีย และโรคอุจจาระร่วง
อาการที่พบได้บ่อยเมื่อมีอาการท้องเสียแบบอันตรายนั้น ได้แก่ อุจจาระเหลวหรือเป็นน้ำ มีการปวดถ่ายตลอดเวลา มีอาการท้องอืดร่วมด้วย รู้สึกคลื่นไส้และอาเจียน มีเลือดหรือเมือกในอุจจาระ น้ำหนักลดกะทันหัน มีไข้ และบางคนอาจเป็นตะคริวร่วมด้วย ซึ่งหากคุณมีอุจจาระเป็นน้ำมากกว่าสามครั้งต่อวัน และคุณดื่มน้ำไม่เพียงพอจะทำให้คุณขาดน้ำได้ และนั่นอาจเป็นปัญหาร้ายแรงหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
- วิธีแก้ปวดท้องท้องเสีย
อาการท้องเสียเฉียบพลันในกรณีเล็กน้อยอาจหายได้โดยไม่ต้องรับการรักษา แต่หากมีอาการท้องเสียอย่างต่อเนื่องหรือเรื้อรังแพทย์จะรักษาสาเหตุที่แท้จริงที่นอกเหนือจากอาการท้องเสีย ส่วนการดูแลตัวเองและแก้อาการท้องเสียนั้น สามารถทำตามวิธีแก้ปวดท้องท้องเสียได้ ดังนี้
เกร็ดสุขภาพ : แม้ว่ารสชาติที่เป็นรสนิยมพื้นฐานคือ หวาน มัน เค็ม แต่การกินอาหารที่มีรสจัดจนเกินไปจะส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างมาก ลองเพิ่มสมุนไพรและเครื่องเทศที่หลากหลายมากขึ้นในการปรุงอาหาร และหันมากินผลไม้ ผัก และเมล็ดธัญพืชเป็นประจำ แล้วจะพบว่าเราจะไม่อยากกินอาหารหวานหรือเค็มอีกต่อไป นอกจากนี้การควบคุมโซเดียมในอาหารก็สามารถทำได้ง่ายๆ เริ่มจากลองเปลี่ยนน้ำซุปโซเดียมสูงตามปกติเป็นน้ำครึ่งหนึ่งและน้ำซุปครึ่งหนึ่งดู ก็จะช่วยลดหวาน มัน เค็ม และลดปริมาณโซเดียมในอาหารได้มากเลยค่ะ
- ดื่มน้ำชดเชยการสูญเสียน้ำ
โดยเฉพาะในเด็กและผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงต่อการขาดน้ำเป็นพิเศษ และสำหรับอาการท้องเสียทุกกรณีการดื่มน้ำชดเชยให้กับร่างกายเป็นสิ่งสำคัญและควรทำเป็นอันดับแรก ควรดื่มน้ำอย่างน้อย 6 แก้วในแต่ละวัน และเลือกเครื่องดื่มทดแทนเกลือแร่ หรือน้ำที่มีเกลือและกลูโคส เพราะลำไส้เล็กจะดูดซึมสารละลายเพื่อทดแทนน้ำและอิเล็กโทรไลต์ที่สูญเสียไปในอุจจาระ ซึ่งจะสามารถแก้อาการท้องเสียได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากกว่า 90% นอกจากนี้เครื่องดื่มอย่างชาผสมน้ำผึ้งและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพก็เป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกัน
- กินยาต้านอาการท้องเสีย
การกินยาเป็นวิธีแก้ปวดท้องท้องเสียได้ สำหรับในผู้ใหญ่สามารถกินยาที่ไม่ต้องสั่งโดยแพทย์ได้ เช่น loperamide (Imodium) และ bismuth subsalicylate (Pepto-Bismol) ซึ่ง Imodium เป็นยาต้านการเคลื่อนไหวที่ช่วยลดทางเดินของอุจจาระ ส่วน Pepto-Bismol จะช่วยลดอุจจาระในผู้ใหญ่และเด็ก นอกจากนี้ยังสามารถป้องกันอาการท้องเสียขณะเดินทางได้ สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป ส่วนยาปฏิชีวนะนั้นสามารถรักษาอาการท้องเสียที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียเท่านั้น หากสาเหตุเป็นอย่างอื่น ต้องใช้วิธีแก้ปวดท้องท้องเสียด้วยยาตัวอื่นแทน
- ดูแลตัวเองด้วยอาหาร
ไม่ว่าอาการท้องเสียจะเกิดขึ้นเป็นครั้งคราวและเกิดจากการแพ้หรืออาหารเป็นพิษ หรือเกิดจากภาวะเรื้อรัง เช่น โรคลำไส้แปรปรวนก็ตาม อาหารและอาการท้องเสียก็มีความเชื่อมโยงกัน เพราะอาหารที่เรากินเข้าไปนั้นอาจส่งผลต่อระบบย่อยอาหารของเราได้ เพราะฉะนั้น เมื่อเรามีอาการท้องเสีย เราควรกินอาหารบางชนิดเพื่อช่วยให้ระบบย่อยอาหารกลับมาทำงานได้ และช่วยแก้อาการท้องเสีย และหากมีอาการดีขึ้นแล้ว สามารถกินอาหารเมนูเบาๆ ได้ เช่น เมนูไข่ต้มลดน้ำหนัก หรือออมเล็ต เพื่อให้ย่อยง่าย นอกจากนี้ยังมีอาหารบางประเภทที่ควรหลีกเลี่ยงด้วย เพราะจะสามารถกระตุ้นระบบย่อยอาหารและทำให้อาการท้องเสียรุนแรงขึ้นหรือนานขึ้น
อาหารที่ควรกินเมื่อมีอาการท้องเสีย ได้แก่
- อาหารและของเหลวที่มีโพแทสเซียมสูง เช่น กล้วย น้ำผลไม้ มันฝรั่ง
- อาหารและของเหลวที่มีโซเดียมสูง เช่น น้ำซุป เครื่องดื่ม Sport Drink และแครกเกอร์รสเค็ม
- อาหารที่มีเส้นใยที่ละลายน้ำได้สูง เช่น ข้าวโอ๊ตและข้าว เพราะจะช่วยให้อุจจาระแข็งตัวขึ้น
อาหารและเครื่องดื่มที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะอาจทำให้อาการท้องเสียแย่ลง ได้แก่
- นมและผลิตภัณฑ์จากนม รวมถึงเครื่องดื่มโปรตีนจากนม
- อาหารทอดที่มีไขมันมันเยิ้ม
- อาหารรสเผ็ด
- ผักสด หัวหอม
- ข้าวโพด
- ผลไม้รสเปรี้ยวทั้งหมด
- แอลกอฮอล์
- กาแฟ ชา น้ำอัดลม และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหรืออัดลมอื่นๆ
- สารให้ความหวานเทียมรวมถึงซอร์บิทอล
- กินโปรไบโอติก
การกินโปรไบโอติกโดยเร็วที่สุดหลังจากท้องเสียสามารถช่วยป้องกันอาการไม่พึงประสงค์จากยาปฏิชีวนะได้ โดยการนำแบคทีเรียที่ดีต่อสุขภาพกลับเข้าสู่ระบบย่อยอาหาร นอกจากนี้ยังสามารถช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการ ท้องเสียได้ ซึ่งโปรไบโอติกมีอยู่ในรูปแบบของอาหารเสริมวิตามินต่างๆ และในอาหาร เช่น กิมจิ โยเกิร์ต น้ำส้มสายชูหมัก คอมบูฉะ เทมเป้ และซุปมิโสะ
เกร็ดสุขภาพ : โปรไบโอติกเป็นสิ่งมีชีวิตที่พบได้ตามธรรมชาติในอาหาร เช่น โยเกิร์ต กิมจิ กะหล่ำปลีดอง มิโสะ และคีเฟอร์ พวกมันเรียกว่าแบคทีเรียที่ดีหรือเป็นมิตร เนื่องจากพวกมันแย่งพื้นที่และอาหารเพื่อต่อต้านแบคทีเรียที่เป็นอันตรายและป้องกันไม่ให้ตกตะกอนในลำไส้ การกินโปรไบโอติกจึงเป็นหนึ่งในวิธีแก้ปวดท้องท้องเสียได้ นอกจากนี้โปรไบโอติกอาจช่วยเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลในผู้ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ด้วย และเพื่อป้องกันและรักษาอาการท้องเสียนั้น เราสามารถทำโยเกิร์ตพร้อมดื่มไว้ดื่มขณะที่มีอาการท้องเสีย หรือดื่มเป็นประจำได้ค่ะ
- เมื่อไหร่ที่ควรไปพบแพทย์
อาการท้องเสียมักหายได้เองโดยไม่ต้องรับการรักษา แต่สิ่งสำคัญคือต้องไปพบแพทย์เมื่อมีอาการเหล่านี้
- อาเจียนอย่างต่อเนื่อง
- มีเลือดปนหรืออุจจาระเป็นสีดำ
- มีไข้สูงกว่า 30 องศาเซลเซียล หรือนานกว่า 24 ชั่วโมง
- ท้องเสียติดต่อกันนานกว่า 2 วัน
- มีอาการปวดท้องหรือทวารหนักอย่างรุนแรง
- ปัสสาวะสีเข้ม
- อัตราการเต้นของหัวใจเร็ว
- ปวดหัว
นอกจากนี้ผู้ใหญ่ที่นอนไม่หลับเนื่องจากอาการท้องเสียควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด เพราะมักเป็นสัญญาณของสาเหตุที่ร้ายแรงกว่า ส่วนเด็กควรไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุดหากมีอาการท้องเสียมากกว่า 5 ครั้ง หรืออาเจียนมากกว่า 2 ครั้งภายใน 24 ชั่วโมง เพราะสามารถทำให้ร่างกายขาดน้ำได้อย่างรวดเร็ว
อาการท้องเสียและท้องร่วงนั้นเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยโดยมีสาเหตุหลายประการ ในกรณีส่วนใหญ่การเยียวยาอาการด้วยตนเองที่บ้านด้วยวิธีแก้ปวดท้องท้องเสียเหล่านี้ และการรักษาทางการแพทย์หลายอย่างสามารถช่วยได้ แต่หากมีอาการรุนแรงอย่างที่บอกไป ควรไปพบแพทย์โดยเร็วเพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อร่างกายและชีวิตของเราค่ะ
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : medicalnewstoday.com, webmd.com, mayoclinic.org, healthline.com
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ