“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
ชวนสังเกต สีของน้ำมูก สีไหน บอกว่าร่างกายเป็นยังไง ?!
สีของน้ำมูก มีความสำคัญมากกว่าที่คิด เพราะเปรียบเหมือนสัญญาณเตือนที่ร่างกายบอกเราถึงความผิดปกติต่างๆ ซึ่งสีน้ำมูกนั้นก็มีมากมายหลากหลายสี แล้วแต่ละสีมีความหมายอย่างไร สีไหนปกติ สีไหนอันตราย และเมื่อไรที่เราควรไปหาหมอ ลองมาดูกันค่ะ
สีของน้ำมูก บอกภาวะผิดปกติของร่างกาย มาดูกันว่าสัญญาณสุขภาพของเราเป็นอย่างไร
- น้ำมูกใส
น้ำมูกสีใสหมายถึงสุขภาพของเรายังปกติเพราะน้ำมูกชนิดนี้เป็นตัวช่วยจัดการฝุ่นละอองและสิ่งปนเปื้อนที่เราสูดเข้าไปทางอากาศ น้ำมูกใสมีแอนติบอดี้ที่ช่วยกำจัดเชื้อโรค หากตรวจพบสิ่งผิดปกติก็จะขับสิ่งเหล่านั้นออกมาพร้อมน้ำมูก เช่น เวลาที่เกิดภูมิแพ้ หรือเป็นหวัดน้ำมูกไหล เป็นต้น นอกจากนี้หญิงสาวที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์บางคนก็สามารถพบน้ำมูกชนิดนี้ได้เพราะช่วงตั้งครรภ์เป็นช่วงที่มักเกิดภูมิแพ้บ่อยๆ นั่นเอง
- น้ำมูกสีขาวขุ่น
สีน้ำมูกเป็นสีคนละแบบกับน้ำมูกใสนะคะ น้ำมูกชนิดนี้จะมีสีขาวและมีความขุ่น สาเหตุเป็นเพราะสูญเสียความชุ่มชื้นภายในจมูกและเป็นสัญญาณของโรคภูมิแพ้แบบเรื้อรัง นอกจากนี้ยังหมายถึงอาการเนื้อเยื่อบริเวณโพรงจมูกมีอาการบวม อักเสบ หรือมีน้ำมูกขังอยู่ในจมูกเป็นเวลานาน
เกร็ดสุขภาพ : เวลาเป็นหวัดหลายคนคงอยากรู้ว่าเป็นหวัดกินอะไรหาย อาหารที่ช่วยให้หายหวัดนั้นมีหลายชนิดค่ะ ทั้งกระเทียม หอมแดง พริกไทย หรือพริกที่มีรสเผ็ดอย่างพริกขี้หนูก็กินได้ นอกจากนี้ต้องไม่ลืมดูแลตัวเองด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอและดื่มน้ำมากๆ หลังจากหายหวัดแล้ว อย่าลืมออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงด้วยนะคะ
- น้ำมูกสีเหลือง
สีของน้ำมูกสีเหลืองหมายถึงสัญญาณของการเป็นหวัดเพราะสีเหลืองเกิดจากเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ตายแล้วและกำลังต่อสู้กับเชื้อไวรัส นอกจากนี้ยังเป็นเพราะการติดเชื้อภายในโพรงจมูกและไซนัสด้วย แต่สัญญาณอันตรายของน้ำมูกสีนี้ก็คือหากมีน้ำมูกสีเหลืองติดต่อกันนานเกิน 7 วัน ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรคและรับยาที่เหมาะกับอาการอีกครั้งนะคะ
- น้ำมูกสีเขียว
สำหรับสีของน้ำมูกสีเขียวนั้นพบได้ไม่บ่อยนัก แต่หากใครมีน้ำมูกสีนี้แล้วหล่ะก็หมายความถึงการติดเชื้อหรือภูมิคุ้มกันที่ลดต่ำลง แต่อย่างไรก็ตามการมีน้ำมูกสีเขียวไม่ได้หมายความว่าอาการของเราจะร้ายแรงจนต้องไปพบแพทย์เสมอไป เพราะอาจเป็นเพราะการติดเชื้อของไซนัส ไม่ใช่การติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่รุนแรง
- น้ำมูกสีชมพูหรือแดง (มีเลือดปน)
น้ำมูกสีชมพู แดง หรือน้ำมูกที่มีเลือดปนเกิดจากเส้นเลือดฝอยในโพรงจมูกแตก อาจมาจากการระคายเคืองหรือการอักเสบ เยื่อบุโพรงจมูกแห้งเกินไป ไปจนถึงโรคหลอดเลือดชนิดต่างๆ แต่ถ้าหากมีเลือดออกมากผิดปกติและเกิดขึ้นบ่อยควรปรึกษาแพทย์จะดีที่สุด
- น้ำมูกสีน้ำตาลหรือสีส้ม
สีของน้ำมูกที่เป็นสีน้ำตาลหมายถึงเลือดที่คั่งอยู่ในจมูกเป็นเวลานานและกำลังถูกขับออกมาจากร่างกายของเรา หรืออาจเกิดขึ้นเพราะเราสูดหายใจเอาเศษฝุ่นและสิ่งสกปรกที่มีสีแดงหรือน้ำตาลเข้าไป เช่น ผงพริกปาปริก้า เป็นต้น แล้วสิ่งสกปรกเหล่านั้นทำให้เกิดสีตกค้างอยู่ในโพรงจมูกของเราจนทำให้น้ำมูกที่ออกมามีสีน้ำตาลหรือสีส้ม
- น้ำมูกสีดำ
น้ำมูกที่มีสีขุ่นเข้มเป็นสีดำหรือเกือบดำหมายถึงการติดเชื้อขั้นรุนแรงซึ่งเป็นภาวะที่ไม่ปกติเลยนะคะ เช่น การติดเชื้อราที่โพรงจมูก ใครพบว่าตัวเองมีน้ำมูกสีนี้ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจหาอาการผิดปกติของร่างกายและหาสาเหตุที่แท้จริงจะดีที่สุด
เกร็ดสุขภาพ : หากใครไม่อยากกังวลกับเรื่องสีของน้ำมูก ลองมาเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายของเราด้วยการออกกำลังกาย การนอนหลับพักผ่อน และการกินอาหารวิตามินซีสูง อย่างเช่น ฝรั่ง ส้ม มะนาว กันดีกว่า เพราะวิตามินซีมีส่วนช่วยทำให้ภูมิคุ้มกันของเราแข็งแรง ช่วยต้านหวัดและต้านการเกิดโรค ทำให้เราแข็งแรงและไม่ป่วยง่ายค่ะ
สังเกตสีน้ำมูกแล้วเมื่อไรต้องไปหาหมอ ?
ได้รู้กันไปแล้วว่าสีของน้ำมูกแต่ละสีมีความหมายอย่างไร บ่งบอกถึงสัญญาณเตือนแบบไหนของร่างกายบ้าง และน้ำมูกสีไหนที่ควรไปพบแพทย์ คราวนี้เราลองมาดูกันค่ะว่านอกจากรู้จักสีต่างๆ ของน้ำมูกแล้ว ยังมีสัญญาณเตือนแบบไหนบ้างที่บอกว่าถึงเวลาไปหาคุณหมอแล้ว
- มีน้ำมูกสีเหลืองติดต่อกันตั้งแต่ 3 วันขึ้นไป
- มีอาการปวดหัวรุนแรงผิดปกติร่วมกับมีน้ำมูก และเป็นอาการเรื้อรัง
- ไอ จาม ร่วมกับมีรอยบวมหรือรอยคล้ำรอบดวงตา
- หากเรามีน้ำมูกที่แสดงให้เห็นว่าเป็นสัญญาณของการติดเชื้อ เช่น น้ำมูกสีดำ ต้องสังเกตอาการอื่นๆ ร่วม คือ รอยบวมรอบดวงตา อาการปวดหัว ดวงตาแพ้แสง ปวดหลังหรือคอ หงุดหงิดง่าย หรืออาเจียนต่อเนื่อง หากมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วยต้องรีบไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด
สีของน้ำมูกไม่ใช่แค่บ่งบอกโรคได้เท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณความผิดปกติจากภายในร่างกายของเรา ที่อาจหมายถึงการเจ็บป่วย การรับเอาสิ่งผิดปกติเข้าไปในร่างกาย หรือการติดเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรียต่างๆ เพราะฉะนั้นอย่ามองข้ามสัญญาณจากสีแบบต่างๆ ของน้ำมูกนะคะ นอกจากนี้วิธีการที่ดีที่สุดก็คือการป้องกันตัวเองเอาไว้ก่อนด้วยการเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ทั้งการออกกำลังกาย การนอนหลับ และการเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ เท่านี้เราก็มีสุขภาพดีได้แบบไม่ต้องกังวลแล้วหล่ะ
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : healthline.com, vejthani.com
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ