“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
ชวนรู้จัก ผักสลัดทั้งหมด ! ผักสลัดมีกี่ชนิดกันแน่ ? คนรักเมนูสลัดจะต้องรู้
สลัดเป็นเมนูเพื่อสุภาพที่นิยมเอาผักสลัดหลากชนิดมาคลุกเคล้ากับธัญพืช ไข่ต้ม เต้าหู้ หรือเนื้อสัตว์ตามต้องการ ก่อนจะราดด้วยน้ำสลัดแสนอร่อย ซึ่งผักสลัดก็มีอยู่หลายชนิดด้วยกัน ถ้าพูดถึงผักสลัด บางคนอาจนึกผักกาดหอมที่มักเห็นบ่อยๆ บางคนก็จะนึกถึงผักกาดแก้วที่หวานกรุบกรอบ แต่รู้ไหมคะว่าที่จริงแล้วยังมีผักสลัดต่างๆ อีกมากมายหลายชนิด ผักสลัดทั้งหมด มีกี่ชนิดกัน ? มีแบบไหนบ้าง มารู้จักผักสลัดให้มากขึ้นกันค่ะ
ผักสลัดทั้งหมด มีกี่ชนิด ? มารู้จักผักสลัดให้มากขึ้นกัน
เวลาไปกินสลัดบาร์ตามร้านอาหาร เชื่อว่าทุกคนจะเห็นผักสลัดหลากหลายสี หลากหลายชนิดวางเรียงรายกัน หรือเวลาเราซื้อผักสลัดรวมที่ขายเป็นห่อๆ ตามซุปเปอร์มาร์เก็ต เมื่อแกะออกมาใส่จานก็จะเจอผักสลัดหลากหลายชนิด ซึ่งผักสลัด ประโยชน์นั้น มีใยอาหารสูง ทั้งช่วยล้างลำไส้ ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย ช่วยแก้อาการท้องผูก แล้วก็มีแร่ธาตุ วิตามินอีกหลากหลายชนิด ที่สำคัญคือ ให้พลังงานต่ำมาก จึงนิยมเอามาทำเป็นเมนูสลัดในคนที่ต้องการลดน้ำหนัก แล้วก็เป็นผักที่มีรสชาติไม่จัด เข้ากับวัตถุดิบอื่นๆ อย่างเนื้อสัตว์หรือผักประเภทอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี และสามารถเอามารับประทานเป็นผักเคียงได้หลายเมนูอีกด้วย ผักสลัดมีทั้งหมดมีกี่ชนิดกันแน่ ? มารู้จักผักสลัดทั้ง 20 ชนิดกันค่ะ
1. ผักกาดแก้ว (Iceberg)
ในบรรดาผักสลัดต่างๆ ผักกาดแก้วคือผักสลัดที่เราคุ้นเคยกันดี มีลักษณะคล้ายกะหล่ำปลีแต่ใบบางกว่า เป็นผักสลัดที่มีธาตุเหล็กสูง จึงบำรุงเลือดได้ดี ทั้งยังช่วยให้นอนหลับง่าย รสชาติหวานกรอบ นิยมกินแบบสดๆ ทั้งในเมนูสลัด ยำ ลาบ กินเป็นเครื่องเคียงน้ำพริก หรือจะกินกับอาหารเกาหลีอย่างหมูย่างก็อร่อยเข้ากัน
2. ผักกาดโรเมนหรือผักกรีนคอส (Cos or Romaine)
ผักกาดโรเมนหรือผักคอสมีลักษณะต่างจากผักสลัดที่เราเห็นทั่วไป เพราะใบจะยาวเรียวกว่า ทั้งยังไม่ค่อยเหม็นเขียวเหมือนผักใบเขียวชนิดอื่น รสชาติหวานกรอบอร่อย อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง และยังดีต่อระบบขับถ่าย หากถามว่าผักสลัดมีกี่ชนิดที่ทนความร้อนได้ดี ไม่สูญเสียคุณค่าเมื่อนำไปผ่านความร้อน ผักกาดโรเมนก็คือหนึ่งในนั้น ส่วนเมนูที่นิยมทำก็คือการนำไปทำซุปในประเทศแถบยุโรป และยังมีเมนูที่หากินได้ทั่วไปอย่างซีซาร์สลัด ยิ่งกินคู่กับเบคอนทอดกรอบก็ยิ่งเข้ากัน
3. บัตเตอร์เฮด (Butterhead)
ถ้าพูดถึงผักสลัดทั้งหมด บัตเตอร์เฮด หรือผักกาดบอสตันก็เป็นที่นิยมรับประทานเช่นกัน บัตเตอร์เฮดมีลักษณะเป็นพุ่มคล้ายดอกไม้ ใบมีสีเขียวเข้มเป็นพุ่มอัดแน่น อุดมไปด้วยสารอาหารที่ดีต่อร่างกายทั้งวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ เช่น วิตามินซี วิตามินเอ วิตามินเค ผักสลัด ประโยชน์ของบัตเตอร์เฮดคือ ช่วยบำรุงสายตา เพราะมีแคโรทีนอยด์ เบต้าแคโรทีน ลูทีน และซีแซนทีน นิยมกินสดๆ กับสลัดทุกชนิด หรือเอาใส่ในแฮมเบอร์เกอร์ ห่อเมี่ยงคำก็ได้เช่นกัน
4. เรดโอ๊ค (Red Oak)
ผักสลัดเรดโอ๊คเป็นหนึ่งในผักสลัดที่คนไทยรู้จักกันดี มีลักษณะเด่นคือ เป็นใบสีแดงหรือแดงเข้มส่วนขอบใบมีสีเขียวแซม ในเรดโอ๊คมีกากใยไฟเบอร์สูงมากจึงดีต่อระบบขับถ่าย แนะนำว่าควรกินสดๆ มากกว่าเพราะถ้าหากผ่านความร้อนจะทำให้สูญเสียคุณค่าทางอาการไป นิยมใส่ในเมนูสลัดต่างๆ หรือกินเป็นผักเคียงเมนูอื่นๆ ก็ได้
5. กรีนโอ๊ค (Green Oak)
มีเรดโอ๊คก็ต้องมีกรีนโอ๊ค ลักษณะของกรีนโอ๊คก็คือ ขอบใบจะหยักเป็นสีเขียวทั้งใบและก้าน รสชาติใกล้เคียงกับเรดโอ๊ค มีความกรุบกรอบและมีรสหวานอร่อย อุดมไปด้วยใยอาหาร จึงดีต่อระบบขับถ่าย ทั้งยังมีวิตามินบี และวิตามินซี ช่วยบำรุงสายตา และยังมีแคลอรี่ต่ำ นิยมกินสดๆ โดยทำเป็นเมนูสลัดและกินเป็นผักเครื่องเคียง
6. ผักไวล์ดร็อคเก็ต (Wild Rocket)
ผักร็อคแก็ตมีลักษณะเป็นแฉก ใบเรียว และมีสีเขียวอ่อน รสชาติจะต่างจากผักสลัดชนิดอื่นเพราะมีความฉุน เผ็ดซ่า มีความขมเล็กน้อยติดปลายลิ้น มีสรรพคุณช่วยบำรุงกระดูกเพราะมีแคลเซียมสูง และจากรสชาติที่แตกต่างของร็อคเก็ตทำให้นิยมกินคู่กับน้ำสลัดประเภทน้ำส้มบัลซามิกที่มีกลิ่นหอมและรสชาติเข้มข้น นอกจากนี้ ยังเข้ากันดีกับสลัดมะเขือเทศ ชีสพาร์เมซาน และยังมีบางประเทศที่นิยมนำใบร็อคเก็ตมาชงเป็นชาด้วย
7. ฟิลเลย์ไอซ์เบิร์ก (Frillice Iceberg)
ผักสลัดทั้งหมดมีอะไรบ้าง หลายๆ คนคงเคยเห็นฟิลเลย์ไอซ์เบิร์กมาบ้าง แต่อาจจะไม่แน่ใจว่าเป็นผักสลัดชนิดไหน ฟิลเลย์ไอซ์เบิร์กมีความคล้ายกับผักกาดหอมโดยเฉพาะช่วงปลายใบและขอบใบ แต่ส่วนก้านจะอวบและมีความกรอบ ฉ่ำน้ำ ผักสลัดชนิดนี้ไม่ทนความร้อนจึงควรนำไปกินสดๆ มากกว่า ส่วนคุณประโยชน์นั้นก็ไม่แพ้ผักสลัดอื่นๆ เลยค่ะเพราะมีทั้งวิตามินเอ วิตามินซี ช่วยบำรุงสายตา แก้ปวด ขับเสมหะ บรรเทาความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง บำรุงตับและขับน้ำดี ทั้งยังช่วยบำรุงเลือดจึงเหมาะกับหญิงที่กำลังให้นมบุตรด้วยนะคะ
8. ผักกาดหอม (Green Coral)
ผักกาดหอม เป็นผักสลัดที่คนไทยรู้จักดีเพราะเรานำผักชนิดนี้มาเป็นส่วนประกอบของอาหารหลายชนิด ทั้งใช้ตกแต่งจาน ใส่ในยำ ลาบ กินคู่กับข้าวเกรียบปากหม้อ สาคูไส้หมู กินเป็นเครื่องเคียงก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน อาหารจานผัด เมนูขนมจีบ ติ่มซำ และเมนูอื่นๆ อีกมากมาย เรียกได้ว่าเป็นผักที่คนไทยนำมากินคู่กับสารพัดเมนู แถมยังมีคุณค่าทางอาหารสูง อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลากชนิดที่ดีต่อร่างกาย
เกร็ดสุขภาพ : ผักยอดนิยมอย่างผักกาดหอมมีประโยชน์มากกว่าที่เราคิดนอกจากจะอุดมไปด้วยใยอาหารแล้ว ผักกาดหอมยังมีสรรพคุณช่วยให้หลับง่ายช่วยขับปัสสาวะ ล้างพิษ ขับเหงื่อ แก้ไข้ จึงดีต่อการดีท็อกซ์ร่างกาย นอกจากนี้ ยังอุดมไปด้วยฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก และเบต้าแคโรทีนที่ช่วยบำรุงร่างกายและบำรุงสายตาอีกด้วย
9. เรดคอรัล (Red Leaf)
ผัดสลัดเรดคอรัล หรือเรียกอีกชื่อว่าผักกาดหอมใบแดง บ้างก็มีสีแดงอมม่วง ปลายใบมีลักษณะหยักเป็นพุ่ม มีรสชาติหวานกรอบ แต่ควรกินต้นอ่อนๆ เพราะถ้าเป็นต้นแก่จะมีรสขม มีใยอาหารสูง มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ทั้งยังมีวิตามินซีสูง ดีต่อผิวพรรณและระบบภูมิคุ้มกัน รับประทานได้หลายแบบ ทั้งใส่ในเมนูสลัด หรือจะกินแกล้มยำ ส้มตำ ก็ได้เช่นกัน
10. เรดิชิโอ (Radicchio)
ผักสลัดทั้งหมดที่เป็นสีแดง หนึ่งในนั้นคือเรดิชิโอ มีลักษณะคล้ายกะหล่ำปลี มีสีแดงอมม่วง ทั้งยังมีรสขมเล็กน้อย ใบจะมีความแข็งกว่าและกรอบกว่าผักสลัดชนิดอื่นๆ กินได้ทั้งแบบดิบ หรือจะเอาไปผัด ย่าง ก็ได้เช่นกัน อุดมไปด้วยวิตามินเค มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง เบาหวาน โรคหัวใจ ทั้งยังอุดมไปด้วยวิตามินซีแล้วก็ธาตุเหล็ก ช่วยบำรุงเลือดได้ดี
11. เบบี้คอส (Baby Cos)
ในบรรดาผักสลัดทั้งหมด เบบี้คอสก็เป็นผักสลัดยอดนิยม มีลักษณะคล้ายกับผักกาดคอสแต่มีขนาดเล็กกว่ามากและมีใบหยักกว่า มีสีเขียวอ่อนกว่า มีรสชาติหวานกรอบ รับประทานเป็นผักแกล้มได้หลายเมนู ทั้งส้มตำ ยำ น้ำพริก เป็นผักเคียง หรือเอาใส่ในเมนูสลัดก็ได้เหมือนกัน เบบี้คอสมีวิตามินเอและวิตามินซีสูง ช่วยบำรุงสุขภาพได้ดี
12. ผักกาดหอมต้น (Celtuce)
ผักกาดหอมต้นเป็นผักกาดชนิดหนึ่ง ซึ่งสายพันธ์ุนี้นิยมกินลำต้น โดยนำมาปรุงให้สุกก่อน ผักกาดหอมต้นมีวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินบี โฟเลต แมงกานีส แคลเซียม ทองแดง ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม ซีลีเนียม สังกะสี ช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรง แม้จะเป็นผักสลัดที่ไม่ค่อยเห็นบ่อยมากนักตามซุปเปอร์มาร์เก็ตไทย แต่ก็ได้รับความนิยมในต่างประเทศค่ะ
13. เบบี้ร็อคเกต (Baby Rocket)
เบบี้ร็อคเก็ตมีใบสีเขียวสด ลักษณะใบโค้งเว้า มีรสฉุนซ่า ขมเล็กน้อย นิยมกินคู่กับน้ำสลัดรสจัดอย่างน้ำสลัดบัลซามิกเช่นเดียวกับไวล์ดร็อคเกต เบบี้ร็อคเก็ตมีคลอโรฟิลล์สูง ทั้งยังอุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินอี วิตามินบี และวิตามินเค มีเบต้าแคโรทีน ลูทีน และซีแซนทีนที่ช่วยบำรุงสุขภาพดวงตาของเราด้วย
14. มิซูน่า (Mizuna)
มิซูน่า มีชื่อเรียกอีกชื่อว่าผักกาดน้ำญี่ปุ่น ลักษณะใบเป็นใบเล็กๆ เรียวแหลม มีสีเขียวเข้ม ก้านยาวสีขาวอวบน้ำ มีความกรอบ แต่มีรสฝาดและฉุนเผ็ดเล็กน้อย นิยมเอามากินสดโดยการใส่ในสลัด หรือจะเอาไปปรุงสุกอย่างเอาไปผัด ใส่ในสุกี้ ใส่ในซุป เอาไปดองก็ได้ มีกรดโฟลิกสูง อุดมไปด้วยใยอาหาร เบต้าแคโรทีน วิตามินซี วิตามินเค ช่วยบำรุงร่างกายได้ดี
เกร็ดสุขภาพ : ผักมิซูน่า หรือผักน้ำญี่ปุ่น (Japanese water vegetable) ซึ่งคนญี่ปุ่นจะเรียกว่าผักเกียวนะ เป็นผักพื้นเมืองญี่ปุ่นที่ในอดีตปลูกได้เป็นหลักในจังหวัดเกียวโต และจะมีให้รับประทานแค่ช่วงเดือนธันวาคม – มีนาคมเท่านั้น แต่ปัจจุบันสามารถปลูกผักชนิดนี้ได้ทั้งปีด้วยระบบไฮโดรโปนิกส์ ทำให้สามารถหารับประทานได้ตลอดทั้งปี ถือว่าเป็นผักราคาถูกในญี่ปุ่น แต่มีคุณค่าทางสารอาหารมากมายเลยทีเดียว
15. วอเตอร์เครส (Watercress)
ชนิดผักสลัด ประโยชน์ที่มีมหาศาลก็คือ วอเตอร์เครสนั่นเองค่ะ ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็น “ราชินีผัก” เลยทีเดียว เนื่องจากอุดมไปด้วยสาอาการที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายหลากชนิด ทั้งแคลเซียม วิตามินอี วิตามินซี วิตามินเอ มีสรรพคุณช่วยบำรุงสายตา ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน มีธาตุเหล็กที่ช่วยบำรุงเลือด มีแมงกานีสที่ช่วยในการทำงานของสมองและระบบประสาท มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ทั้งยังมีคุณสมบัติช่วยล้างสารพิษตกค้างในร่างกายได้ จะกินสด หรือเอาไปนึ่ง ผัด ลวก ก็ได้เช่นกัน แต่ไม่ควรผ่านความร้อนนาน เพราะจะทำให้สารอาหารหายไปได้
16. ผักสลัดเอนไดว์ ไฟร์ซี (Endive Frisee)
ผักสลัดชนิดนี้ อาจไม่ค่อยเห็นบ่อยนัก เป็นชนิดเดียวกับผักกาดหอม ขอบใบมีลักษณะเป็นหยักๆ มีรสขมเล็กน้อย นิยมเอามาใส่ในเมนูสลัดผัก มีวิตามินเอสูงมาก มีวิตามินซี แคลเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก ช่วยบำรุงกระดูกและฟันได้ดี ทั้งยังมีไฟเบอร์สูง ทำให้ขับถ่ายได้ง่ายขึ้น ดีต่อสุขภาพลำไส้ของเราด้วย
17. ผักกาดหอมเอสคาโรล (Escarole)
ในบรรดาผักสลัดทั้งหมด ผักกาดหอมเอสคาโรลอาจไม่ค่อยคุ้นชื่อคนไทยนัก ซึ่งจะนิยมรับประทานในอิตาลี เป็นส่วนผสมทั่วไปในอาหารอิตาเลียน เช่น ใส่ในริซอตโต้และมิเนสโตรเน่ ผักสลัดชนิดนี้จะมีรสขมเล็กน้อย มีใยอาหารสูง จะรับประทานแบบสดหรือปรุงสุกก็ได้
18. สวิสชาร์ด (Swiss Chard)
สวิสชาร์ดหรือผักกาดแดง จะมีก้านสีแดง มีใบสีเขียวอมม่วง ลักษณะใบเป็นหยักๆ นิยมกินทั้งใบและก้าน ไม่มีรสขม ต้นอ่อนนิยมเอามาใส่ในเมนูสลัดเพื่อเพิ่มสีสัน หากเป็นต้นใหญ่จะเอามาลอกเยื่อตรงก้านใบออกก่อนแล้วเอาไปต้มหรือตุ๋น มีใยอาหารสูง อุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินเค วิตามินอี แมกนีเซียม แมงกานีส โพแทสเซียม
19. ผักสลัดมาเช่ (Mache)
ผักสลัดมาเช่ มีอีกชื่อเรียกว่า Corn salad มีลักษณะเป็นใบเล็กๆ ทรงวงรี ประกอบกันเป็นช่อๆ มีรสชาติดี นิยมเอามาใส่ในเมนูสลัด กินง่าย จะเอาใส่ในสลัทผลไม้ที่มีบีทรูท ลูกแพร์ เนื้อส้ม อะโวคาโด วอลนัท และชีสนมแพะก็เข้ากัน จะราดน้ำสลัดใสหรือน้ำสลัดข้นก็แล้วแต่ความชอบ
20. ผักสลัดสเปกเคิล (Speckled lettuce)
ผักสลัดชนิดสุดท้าย อาจไม่ค่อยคุ้นหน้าคุ้นตาเท่าไหร่นัก มีหน้าตาคล้ายผักกาดคอสแต่ว่ามีจุดสีแดงม่วงบนใบสีเขียว ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของผักสลัดชนิดนี้ สามารถรับประทานได้ ไม่เป็นอันตราย จะเอามากินเป็นผักแกล้มเมนูอื่นๆ หรือเอามาใส่ในชามสลัดก็ได้ ก็จะเพิ่มสีสันของเมนูสลัดให้แปลกใหม่แล้วก็น่ารับประทานมากขึ้น
และนี่ก็เป็นผักสลัดทั้งหมด 20 ชนิดที่เราเอามาฝากกัน ตอนนี้ถ้าใครไปกินสลัดบาร์ตามร้านอาหารก้จะได้รู้จักผักสลัดหลากชนิดมากขึ้น และเลือกกินได้อย่างหลากหลายมากขึ้นนะคะ บางชนิดนั้นพบเห็นบ่อย มีขายตามซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป แต่บางชนิดก็ไม่เป็นที่นิยมในไทย จะเห็นในเมนูอาหารต่างประเทศมากกว่า อย่างไรก็ตาม ก่อนจะนำผักมาบริโภค ควรล้างผักให้สะอาดด้วยวิธีล้างผักที่สามารถล้างสารตกค้าง สารเคมี และสิ่งสกปรกออกไปให้ได้มากที่สุด จะได้กินผักได้อย่างสบายใจนะคะ
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : insanelygoodrecipes.com, epicurious.com, thespruceeats.com, thepioneerwoman.com
Featured Image Credit : freepik.com/topntp26
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ