“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
รวม ท่านอนแก้ปวดท้องกระเพาะ และปวดอื่นๆ ใครปวดอยู่ต้องลอง !
รู้หรือไม่ว่า โรคกระเพาะเป็นหนึ่งในโรคที่เกิดจากความเครียด ส่วนพฤติกรรม การรีบกินอาหาร กินไม่ตรงเวลา ฯลฯ เป็นส่วนกระตุ้นเสริมเพิ่มเติมเข้าไปทำให้มีอาการรุนแรงขึ้นหรือยาวนานขึ้นนั่นเอง ซึ่งนอกจากการไปพบแพทย์และการกินยาตามที่แพทย์สั่งร่วมกับการปรับพฤติกรรมแล้ว อีกหนึ่งการดูแลตัวเอง เช่น ท่าทางการนอนก็มีส่วนช่วยบรรเทาอาการปวดได้เหมือนกัน ในบทความนี้ เพื่อสุขภาพ จะพาไปแนะนำท่านอนที่ช่วยบรรเทาการปวดในอาการต่างๆ กัน ไปดูกันเลย
ชวนดู ท่านอนแก้ปวดท้องกระเพาะ ต้องนอนท่าไหน ? แค่เปลี่ยนท่านอนก็หายปวดท้องได้จริงหรือ ?!
ท่านอนสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดท้องกระเพาะได้จริงในหลายกรณี แต่ก็ไม่ใช่วิธีการที่ใช้ได้ผลกับทุกคน สำหรับประสิทธิภาพนั้น ขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการปวดและลักษณะทางกายภาพของแต่ละบุคคล ซึ่งเหตุผลที่ท่านอนอาจช่วยบรรเทาอาการได้นั้น มีดังนี้
- ลดแรงโน้มถ่วงบริเวณกระเพาะ : การนอนลงช่วยลดแรงกดทับบนกระเพาะอาหาร ทำให้เรารู้สึกสบายขึ้น
- ลดการไหลย้อนของกรด : บางท่านอนจะช่วยป้องกันการไหลย้อนของกรดจากกระเพาะสู่หลอดอาหารได้
- ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ : การนอนในท่าที่เหมาะสมมีส่วนช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณท้องผ่อนคลาย ลดอาการเกร็งและปวด
- เพิ่มการไหลเวียนเลือด : ท่านอนบางท่าอาจช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดในระบบทางเดินอาหาร
แต่อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพของท่านอนก็มีข้อจำกัดเหมือนกัน ได้แก่
- ไม่สามารถแก้ไขสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวด เช่น แผลในกระเพาะหรือการติดเชื้อ
- ผลอาจเป็นเพียงชั่วคราว เมื่อลุกขึ้นอาการอาจกลับมาได้
- บางคนอาจไม่รู้สึกดีขึ้นหรืออาจรู้สึกแย่ลงในบางท่านอน
สรุปคือ ท่านอนสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดท้องกระเพาะได้จริงในหลายกรณี แต่ไม่ใช่วิธีการรักษาที่สมบูรณ์ และควรใช้ร่วมกับวิธีการอื่นๆ ในการดูแลสุขภาพกระเพาะอาหาร หากมีอาการรุนแรงหรือเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมนั่นเอง
ท่านอนแก้ปวดท้องกระเพาะ มีท่าไหนบ้าง ?
1. ท่านอนตะแคงซ้าย
ท่านอนตะแคงซ้ายเป็นท่านอนแก้ปวดท้องกระเพาะได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะผู้ที่เป็นกรดไหลย้อนร่วมด้วย เพราะว่าเมื่อเรานอนตะแคงซ้าย จะทำให้กระเพาะอาหารของเราอยู่ใต้หลอดอาหาร ซึ่งเป็นการลดแรงกดที่กระทำต่อหูรูดของหลอดอาหาร และทำให้หูรูดหลอดอาหารให้ปิดได้อย่างสนิท ป้องกันไม่ให้กรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาได้ การนอนตะแคงซ้ายนอกจากการจะเป็นท่านอนแก้ปวดท้องกระเพาะแล้ว ยังส่งผลดีต่อระบบต่อมน้ำเหลือง ระบบย่อยอาหาร ส่งผลดีต่อระบบการทำงานของหัวใจ และยังส่งผลดีต่ออาการปวดหลังอีกด้วย
2. ท่านอนหงาย
สำหรับท่านอนแก้ปวดท้องกระเพาะแบบนอนหงาย อาจต้องใช้ตัวช่วยโดยการเลือกใช้หมอนสองใบ คือ หมอนใบใหญ่หนึ่งใบ และหมอนใบเล็กอีกหนึ่งใบ วิธีการก็คือ ใช้หมอนใบใหญ่ในการหนุนศีรษะ และหมอนใบเล็กใช้ในการรองบริเวณไหล่ ซึ่งการนอนแบบนี้จะทำให้หลอดอาหารนั้นอยู่เหนือกว่ากระเพาะอาหาร ป้องกันไม่ให้เกิดกรดไหลย้อนซึ่งจะทำให้ปวดท้องหรือจุกเสียดแน่นท้องมากขึ้น
3. ท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน
ปวดท้องกระเพาะ นอนท่าไหนดี สำหรับคนที่เพิ่งกินข้าวมาหรือไม่สะดวกนอนราบ แต่รู้สึกปวดท้องกระเพาะ ท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนจะช่วยบรรเทาอาการปวดได้ เพราะทำให้กระเพาะของเราไม่ถูกกดทับเหมือนกับการยืนหรือนั่ง ทำได้โดยการหาหมอนมาหนุนที่หลังและนอนเอนตัวประมาณ 45 องศา เหยียดตัวให้สบาย ท่านี้จะช่วยให้รู้สึกหายปวดท้องได้ค่ะ
ชวนดู ท่านอนอื่นๆ ที่ช่วยบรรเทาอาการปวดต่างๆ ได้
นอกจากท่านอนแก้ปวดท้องกระเพาะแล้ว ยังมีท่านอนที่ช่วยบรรเทาอาการปวดอื่นๆ ได้ด้วย รวมถึงผู้ที่เป็นโรคต่างๆ เช่น เป็นภูมิแพ้ หรือมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับก็สามารถลดความเสี่ยงได้ด้วยการนอนท่าที่ถูกต้อง มีท่านอนแก้โรคท่าไหนบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ
1. ท่านอนสำหรับผู้ที่มีอาการปวดฟัน
นอกจากท่านอนหงายจะเป็นท่านอนแก้ปวดท้องกระเพาะแล้ว ยังแก้ปวดฟันได้ด้วย เมื่อมีอาการปวดฟันเกิดขึ้น ควรเลือกนอนด้วยท่านอนหงาย ซึ่งจะช่วยทำให้บริเวณใบหน้ามีความผ่อนคลาย ลดอาการปวดฟันได้ดี และถ้าหากมีอาการนอนกัดฟันด้วย การนอนหงายก็สามารถช่วยได้เช่นกัน
2. ท่านอนสำหรับผู้ที่มีอาการปวดคอและไหล่
การนอนที่เหมาะสมกับผู้ที่มีอาการดังกล่าว ควรจะนอนท่าตะแคงโดยหลีกเลี่ยงการนอนตะแคงไปข้างเดียวกับไหล่ที่ปวด เพราะอาจทำให้เกิดอาการปวดมากขึ้น เลือกใช้หมอนที่มีขนาดใหญ่และหนุนหมอนให้พอดีกับไหล่ และอาจมีการใช้หมอนข้างเพื่อทำให้ไหล่ คอ และแขนอยู่ในท่าทางที่เป็นธรรมชาติที่สุด
3. ท่านอนสำหรับผู้ที่มีอาการปวดหลัง
ปวดหลัง นอนท่าไหนดี ? สำหรับผู้ที่มีอาการปวดหลัง ควรนอนท่าตะแคง และงอเข่าอย่างพอดี เพื่อให้สะโพกของเราอยู่ในท่าทางที่ถูกต้อง เพราะถ้าหากการที่เรางอเข่ามากจนเกินไป อาจส่งผลเกิดอาการปวดเข่าตามหลังมาหลังจากการนอนหลับได้
4. ท่านอนสำหรับผู้ที่มีอาการปวดประจำเดือน
การนอนหงายถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับสาวๆ ที่กำลังมีประจำเดือน และรู้สึกปวดเมื่อยตามร่างกาย ควรใช้หมอนมาหนุนใต้เข่าเพื่อช่วยให้กระดูกสันหลังไม่อยู่ในลักษณะที่โค้งมากจนเกินไป และผู้ที่มีประจำเดือนไม่ควรนอนตะแคง เพราะการถ่ายเทน้ำหนักไปยังขาข้างใดข้างหนึ่ง อาจทำให้มีอาการปวดที่รุนแรงมากขึ้น
เกร็ดสุขภาพ : สำหรับสาวๆ ที่ปวดท้องประจำเดือน นอกจากการนอนหงายแล้ว สามารถบรรเทาอาการปวดได้โดยการวางถุงน้ำร้อนไว้ที่บริเวณท้องน้อย ซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการปวดได้ ควรจิบน้ำอุ่นหรือจิบชาร้อนๆ บ่อยๆ ซึ่งจะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นและช่วยบรรเทาอาการปวดท้อง ปวดเนื้อปวดตัวในช่วงมีประจำเดือนได้เช่นกัน
5. ท่านอนสำหรับผู้ที่มีอาการหยุดหายใจขณะนอนหลับ
ผู้ที่มีอาการหยุดหายใจขณะหลับ ควรเลือกนอนด้วยท่านอนตะแคงหรือนอนคว่ำ เพราะจะทำให้หลอดลมทำงานได้ดีมากขึ้น และช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดการหยุดหายใจขณะนอนหลับได้ ทั้งนี้ ควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างเหมาะสม เพราะอาจมีอันตรายถึงชีวิตได้นะคะ
6. ท่านอนสำหรับผู้ที่ปวดไซนัส
ถ้าใครเป็นไซนัสหรือเป็นหวัด ไม่ควรนอนหงายอย่างเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้สำลักหรือหายใจไม่ออกขณะนอนหลับได้ ท่านอนที่เหมาะสมคือ การนอนตะแคงและหนุนหมอนให้สูงขึ้น ซึ่งอาจจะกอดหมอนข้างด้วยก็ได้เพื่อให้นอนสบายมากขึ้นค่ะ
7. ท่านอนสำหรับผู้ที่นอนกรน
การนอนขดตัวจะช่วยลดการนอนกรนได้ ทำได้โดยการนอนตะแคงซ้ายหรือขวา แล้วงอเข่าชิดหน้าอก ก้มหน้า ซึ่งจะช่วยให้นอนกรนน้อยลงได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยค่ะ อย่างไรก็ตาม ไม่ควรนอนท่านี้ตลอดทั้งคืน เพราะจะทำให้หายใจไม่สะดวก ควรเปลี่ยนท่านอนเป็นท่าอื่นๆ บ้างในระหว่างการนอนหลับ จะได้นอนสบายและหลับสนิทมากขึ้นค่ะ
เกร็ดสุขภาพ : การนอนในรูปแบบที่ถูกต้องนั้น มีประโยชน์มากกว่าที่เราคิด เช่น การบรรเทาอาการของโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท โดยการปรับเปลี่ยนการนอนมาเป็นนอนหงายเพื่อทำให้เกิดการกระจายตัวของน้ำหนักอย่างเท่าๆ กัน และควรนำหมอนใบเล็กๆ มาหนุนรองใต้ขา เพื่อให้สะโพกงอเล็กน้อย เพียงเท่านี้ การนอนก็สามารถช่วยบรรเทาอาการของโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทได้แล้ว
ปวดท้องกระเพาะ นอนท่าไหนดี ตอนนี้ก็ได้ทราบกันไปแล้ว ใครที่เป็นโรคกระเพาะแล้วปวดท้องบ่อยๆ การนอนที่ถูกท่าอาจช่วยบรรเทาอาการปวดท้องได้ อย่างไรก็ตาม ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมควบคู่ไปด้วย เพื่อให้หายจากโรคกระเพาะได้ ใครที่กินข้าวไม่ตรงเวลาก็ควรปรับการกินให้เป็นเวลามากขึ้น สำหรับคนที่เป็นโรคเครียดลงกระเพาะ ก็ควรมีวิธีบริหารจัดการอารมณ์อย่างเหมาะสมและมีวิธีผ่อนคลายความเครียดของตัวเอง จะได้มีสุขภาพดีทั้งกายและใจครับ
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : sleepfoundation.org, verywellhealth.com
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ