“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
ยาพาราห้ามกินเกิน กี่เม็ด ?! รู้ไว้ก่อน เพื่อสุขภาพที่ดีกว่า
ยาพาราหรือพาราเซตามอลคือยาสามัญประจำบ้าน แต่เราเชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินว่าหากกินพาราเกินขนาดอาจมีอันตรายถึงชีวิตได้ แต่จริงๆ แล้ว ยาพาราห้ามกินเกิน กี่เม็ดกันแน่และหากเกิดพบเห็นสมาชิกในบ้านหรือคนใกล้ตัวกินยาพาราเกินขนาด วิธีแก้เบื้องต้นต้องทำอย่างไรจึงจะดีที่สุด เรามีคำตอบมาฝากแล้วค่ะ
พาราเซตามอล ยาสามัญประจำบ้านที่ทุกคน (ควร) รู้จัก
พาราเซตามอลเป็นยาประเภทแก้ปวดลดไข้ที่ใช้กันทั่วไป สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยหากกินถูกวิธี ทำให้ได้รับความนิยมและคนส่วนใหญ่มักซื้อติดบ้านเอาไว้เสมอ พาราเซตามอลมีคุณสมบัติบรรเทาอาการปวด เช่น ปวดศีรษะ ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ และยังเป็นยาลดไข้ได้ด้วย แต่อย่างไรก็ตามยาชนิดนี้ไม่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบนะคะ
- พาราห้ามกินเกินกี่เม็ด ? ขนาดยาที่แนะนำเพื่อให้กินได้อย่างปลอดภัย
ในประเทศไทยมียาพาราหลายรูปแบบ ส่วนใหญ่ใน 1 เม็ดจะมีขนาดยา 325 มิลลิกรัม หรือ 500 มิลลิกรัม ส่วนยาพาราสำหรับเด็กมักเป็นยาน้ำโดย 1 ช้อนชา มีปริมาณ 5 ซีซี แต่เมื่อรู้ขนาดยาแล้ว พาราห้ามกินเกินกี่เม็ด ? ลองมาดูกันค่ะ
ขนาดยาพาราเซตามอลที่ถูกต้องนั้นควรกินตามน้ำหนักตัว แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าการกินยา 1 ครั้งให้กินประมาณ 10 – 15 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวของเรา (กิโลกรัม) หรือหากคำนวณอย่างง่ายในผู้ใหญ่แนะนำให้กินครั้งละ 1 – 2 เม็ด ทุก 4 – 6 ชั่วโมง แต่ไม่ควรกินเกิน 8 เม็ดต่อวัน และไม่ควรกินยาต่อเนื่องเกิน 5 วัน ส่วนในเด็กหรือสำหรับคนที่น้ำหนักตัวน้อยควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาปริมาณที่เหมาะสมจึงจะดีที่สุดนะคะ
เกร็ดสุขภาพ : หลายครั้งเวลาเรารู้สึกปวดหัว ปวดตัว มีไข้ หรือสีของน้ำมูก ก็มักคิดถึงการกินพาราเป็นอันดับแรก ซึ่งความจริงแล้วยังมีวิธีทางธรรมชาติหลายอย่างที่ช่วยบำบัดอาการเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องกินยา เช่นการบำบัดด้วยน้ำโดยวางถุงน้ำแข็งบนหน้าผาก หรือจะใช้ผ้าเย็นโพกศีรษะเอาไว้ รวมถึงการแช่เท้าในน้ำอุ่นก็ได้ หรือจะใช้วิธีชงชาขิงร้อนๆ ดื่มก็ช่วยบรรเทาอาการหวัด เป็นไข้ และปวดศีรษะได้เช่นกัน ถือเป็นวิธีธรรมชาติ ไม่ต้องพึงยาและสารเคมี ไม่ต้องกินพาราและมานั่งกังวลว่าพาราห้ามกินกี่เม็ดด้วยนะ
การกินยาพาราเกินขนาดมีผลต่อตับโดยจะทำให้ตับเป็นพิษ มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ตับโต กดแล้วเจ็บ ปวดท้องด้านชนขวา หากมีอาการรุนแรงอาจส่งผลให้ตับวายเฉียบพลัน ตัวเหลือง ตาเหลือง มีอาการสับสนและป่วยซึม หากปล่อยไว้ไม่รักษาทันทีอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต เพราะฉะนั้นเราต้องรู้ว่าพาราห้ามกินเกินกี่เม็ดและไม่กินยาเกินขนาด รวมถึงเลือกกินยาเฉพาะเวลาจำเป็นจริงๆ เท่านั้น
- กินยาพาราเกินขนาด วิธีแก้เบื้องต้นทำอย่างไร
รู้กันไปแล้วว่าพาราห้ามกินเกินกี่เม็ด คราวนี้ลองมาดูวิธีแก้เบื้องต้นกันบ้างค่ะ อันที่จริงแล้วแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าหากเราพบผู้ที่กินยาพาราเกินขนาดจนเกิดอาการรุนแรงตามมา หากไม่ชำนาญจริงๆ ไม่ควรล้างท้องหรือทำให้ผู้ป่วยอาเจียนเด็ดขาดนะคะเพราะอาจเสี่ยงเกิดการสำลักเข้าปอดได้ ทางที่ดีต้องรีบนำตัวคนๆ นั้นส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด เพราะการได้รับพิษจากยาพารานั้นต้องมีวิธีดูแลและแก้พิษแบบเฉพาะทางนั่นเอง เพราะฉะนั้นการสวนล้างลำคอเพื่อให้อาเจียนจึงไม่ควรทำ สิ่งที่ควรทำคือให้ผู้ป่วยดื่มน้ำมากๆ จากนั้นจึงนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษาต่อไป
เกร็ดสุขภาพ : การล้างท้องไม่เหมือนวิธีล้างจมูกที่เราทำได้ทุกวัน แต่การล้างท้องมีไว้เพื่อล้างสารพิษออกจากร่างกาย โดยเราสามารถใช้การล้างท้องได้เมื่อพบผู้ที่กินสารพิษที่มีฤทธิ์กัดกร่อน เช่น กรด ด่าง หรือสารเคมีภัณฑ์ที่ใช้ในครัวเรือน หากกินเข้าไปจะมีอาการปากแห้ง ปาก ท้อง และลำคอไหม้ แสบร้อน คลื่นไส้อาเจียน วิธีแก้เบื้องต้นคือให้ผู้ป่วยกินนมหรือน้ำเพื่อเจือจางสารเคมีแล้วรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่หากเป็นการกินสารเคมีประเภทน้ำมัน เช่น น้ำมันก๊าด น้ำมันเบนซิน หรือยาฆ่าแมลงชนิดน้ำมันแล้วหล่ะก็จะมีแนวทางปฏิบัติคล้ายการกินยาพาราเกินขนาด วิธีแก้เบื้องต้นคือให้ผู้ป่วยนอนศีรษะต่ำเพื่อป้องกันการสำลักเข้าปอดและห้ามทำให้ผู้ป่วยอาเจียน แต่ต้องนำส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดค่ะ
ได้รู้จักยาพาราดีขึ้นกันแล้วนะคะ ส่วนใครที่สงสัยว่าพาราห้ามกินเกินกี่เม็ดก็คงได้คำตอบไปแล้ว อันที่จริงยาพารานั้นกินได้แบบปลอดภัยหากเราไม่กินเกินขนาดและกินตามรายละเอียดในฉลาดยาหรือตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ตามหนทางที่ดีที่สุดคือการดูแลตัวเองเพื่อป้องกันไม่ให้ป่วยจนต้องกินยา เราสามารถปรับเวลานอนหลับใหม่ให้นอนหลับเพียงพอ เลือกกินอาหารวิตามินซีสูงเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงได้ เท่านี้สุขภาพของเราก็จะแข็งแรง ป่วยยาก ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องกินยาพาราบ่อยๆ แล้วค่ะ
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : si.mahidol.ac.th, paolohospital.com
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ