“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
เราเป็น ” คนบ้างาน ” หรือเปล่า ? ชวนรู้จักโรคบ้างาน และดูแลตัวเองกัน !
ในสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้ผู้คนมากมายต้องต่อสู้ ดิ้นรน เพื่อความอยู่รอดของตัวเองและครอบครัว บวกกับการแข่งขันที่สูงขึ้นในปัจจุบัน ทำให้หลายคนทุ่มเทกับการทำงานอย่างหนัก เพื่อความเจริญก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่การงาน รวมไปถึงการเงินด้วย ซึ่งบางครั้งอาจจะลืมใส่ใจเรื่องสุขภาพ จนนำไปสู่การเกิดโรคต่างๆ ตามมา และหนึ่งในนั้น คือ Workaholic หรือ โรคบ้างาน แต่หลายคนอาจจะสงสัยว่าตัวเองเป็น คนบ้างาน หรือเปล่าวันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับโรคบ้างาน และอาการของโรคนี้กันค่ะ
- โรคบ้างาน (Workaholic) คืออะไร
โรคบ้างาน ถือว่าเป็นภัยเงียบที่อันตรายอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ ซึ่งหลายคนอาจจะไม่รู้มาก่อน โดยโรคนี้มักเกิดกับคนที่มีบุคลิกเป็นคนสมบูรณ์แบบ เจ้าระเบียบ ชอบแข่งขัน มีความทะเยอทะยาน ชอบทำงานเป็นกิจวัตรประจำวัน มีจิตใจคิดวนเวียนอยู่กับงานตลอดเวลา ไม่ว่าจะกิน หรือนอนก็จะคิดเรื่องงานอยู่เสมอ จนทำให้กลายเป็นคนบ้างานโดยไม่รู้ต้ว สำหรับใครที่ชอบทำงานหนักมากเกินไป จนไม่มีเวลาพักผ่อน ระวังคุณอาจจะเป็นโรคบ้างานได้ค่ะ
- อาการของโรคบ้างานเป็นอย่างไร
โรคบ้างาน เป็นโรคของคนขยันทำงานมากเกินไป จนไม่มีเวลาพักผ่อน ทำให้ร่างกาย และจิตใจแย่ลง แต่ยังมีหลายคนที่ยังไม่รู้ตัวเองว่าเป็นโรคนี้แล้ว จึงยังทำพฤติกรรมซ้ำๆ อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นลองมาดูอาการเบื้องต้นของโรคนี้กันก่อน เพื่อจะได้รักษาได้ทันก่อนที่จะสายเกินไป
- อาการเบื้องต้นด้านร่างกาย
คนที่เป็นโรคบ้างาน อาการที่แสดงออกทางด้านร่างกายอย่างเห็นได้ชัดคือ เริ่มปวดหัว ปวดหลัง ปวดไหล่ ปวดท้ายทอย และเมื่อมีอาการหนักมากขึ้น จนทำให้สายตาพร่ามัว ปวดกล้ามตา ซึ่งนำมาสู่โรคร้ายแรงต่างๆ เช่น “กระเพาะอักเสบเกิดจาก” การทำงานอย่างหนักจนไม่มีเวลารับประทานอาหาร รวมถึงความเครียด และความกดดันจากงานที่ได้รับมอบหมายอีกด้วย นอกจากนี้ยังทำให้เป็นโรคหัวใจ เบาหวาน และความดัน เป็นต้น
- อาการเบื้องต้นด้านอารมณ์ และจิตใจ
อีกหนึ่งอาการของคนบ้างานที่มักเป็นบ่อย เริ่มจากมองอะไรขวางหูขวางตาไปหมด มีอารมณ์ฉุนเฉียว เกรี้ยวกราดกับเพื่อนร่วมงาน ไม่สนใจคนรอบข้าง โดยให้ความสำคัญเฉพาะเรื่องของการทำงานเท่านั้น จนทำให้ความสัมพันธ์ต่อคนรอบข้าง และคนในครอบครัวแย่ลง อีกทั้งโรคนี้ยังมีผลต่อจิตใจอีกด้วย ซึ่งมีงานวิจัยของมหาวิทยาลัยเบอร์เกน ในประเทศนอร์เวย์ พบว่า อาการคนบ้างานมีความเสี่ยงต่อโรคทางจิตเวช เช่น โรคสมาธิสั้น โรคย้ำคิดย้ำทำ และโรควิตกกังวล เป็นต้น
เกร็ดสุขภาพ : สำหรับอาการของโรคบ้างานที่แสดงออกอย่างชัดเจนคือ มีความเครียด คิดเรื่องงานตลอดเวลา และมี “อารมณ์โกรธ”ง่ายกว่าคนปกติทั่วไป จนทำให้มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้าโดยที่เราไม่รู้ตัวอีกด้วย อีกทั้งคนบ้างานยังเสี่ยงต่อการเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมในอนาคตได้เช่นกัน
- โรคบ้างานมีสาเหตุเกิดจากอะไร
- ทำงานหนักมากเกินไป
คนบ้างาน มักจะทำงานหนักกว่าคนอื่น เพราะเดี๋ยวนี้บางคนยอมสละเวลาการใช้ชีวิตส่วนตัวเพื่อการทำงานหนักมากขึ้น เนื่องจากต้องการให้งานออกมามีประสิทธิภาพและที่สำคัญคือ การได้รับมอบหมายงานจากหัวหน้าเยอะเกินไป จนทำให้ไม่มีเวลาพักผ่อน ก็เป็นสาเหตุของการเกิดโรคนี้ได้เช่นกัน
- คิดเรื่องงานตลอดเวลา
หากอธิบายในแง่ของจิตวิทยา โรคนี้มักจะเกิดขึ้นกับบุคคลที่มีมาตรฐานการทำงานสูง มีความทะเยอทะยาน ยึดมั่นในหลักเกณฑ์ และจิตใจจะจดจ่อกับการทำงาน ซึ่งคนบ้างานจะอยากทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้งานสำเร็จ แม้ว่าจะต้องเสียสละเวลานอนก็ตาม
- การยึดติดคุณค่าของตัวเองไว้กับงาน
เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการเกิดโรคบ้างานคือ การนำคุณค่าของตัวเองไปยึดติดกับการทำงานอยู่ตลอดเวลา ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะไม่พึงพอใจกับตัวเอง เพราะต้องการให้งานออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด เพื่อที่จะได้รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า และเป็นที่ยอมรับในสังคมมากขึ้น ส่งผลให้เกิดความกดดันตัวเอง จนนำไปสู่การเกิดความเครียด ที่สำคัญยังทำให้สภาพร่างกายอ่อนแออีกด้วย
- วิธีการรักษาโรคบ้างาน
การรักษาโรคบ้างานเบื้องต้นด้วยตัวเอง สิ่งสำคัญของคนบ้างานต้องทำคือ การปรับพฤติกรรมการทำงานให้พอดี เพื่อลดความเครียดจากการทำงานหนักเกินไป รวมถึงการปรับเวลาการทำงาน เพื่อตัวเองจะได้พักผ่อนอย่างเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย และควรมีการผ่อนคลายในระหว่างการทำงาน เช่น หลับตาหายใจเข้าลึกๆ สักพัก และระหว่างทำงานในทุก 1 ชั่วโมง ควรพักประมาณ 10-15 นาที เพื่อให้สมองปลอดโปร่ง เส้นประสาทได้ผ่อนคลาย และที่สำคัญควรจัดสรรเวลาในการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง และป้องกันการเจ็บป่วยได้อีกด้วย
- การดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากโรคบ้างาน
เชื่อว่าหลายๆ คนกำลังเข้าสู่สภาวะของการเสพติดการทำงานอย่างหนัก ดังนั้นควรดูแลตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองกลายเป็นคนบ้างาน ซึ่งมีวิธีดูแลตัวเองดังต่อไปนี้
- จัดลำดับความสำคัญของงาน
การทำงานที่ดีมีประสิทธิภาพไม่จำเป็นต้องทำงานอย่างหนัก ควรรู้จักบริหารจัดการในส่วนของงานในแต่ละวัน การเรียงลำดับความสำคัญของงานที่ควรทำในแต่ละวัน เพราะจะช่วยลดเวลาการทำงานได้อย่างเหมาะสม
- ขอบเขตของการทำงาน
การรู้จักจัดระบบงานให้มีขอบเขตเป็นสิ่งสำคัญของการทำงานที่ดี และเป็นการฝึกนิสัยในการทำงานอย่างเป็นระบบระเบียบมากขึ้น ไม่ไปเบียดเบียนเวลาส่วนตัว อีกทั้งยังทำงานได้ดีกว่าเดิมอีกด้วย และที่สำคัญยังทำให้มีเวลามากพอที่จะออกไปทำกิจกรรมอื่นๆ มากขึ้นอีกด้วย
- การปล่อยให้ตัวเองมีชีวิตที่เป็นอิสระ
คนบ้างานส่วนใหญ่จะทำงานอย่างหนักจนไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงาน และครอบครัวแย่ลงเรื่อยๆ ดังนั้นเราควรปล่อยวางชีวิตให้เป็นอิสระ ลองกระชับความสัมพันธ์กับคนอื่นให้มากขึ้น เช่น การออกไปเที่ยว และทำกิจกรรมต่างๆ ในวันว่าง อาจจะช่วยให้มีแรงบันดาลใจใหม่ๆ และยังได้มุมมองที่หลากหลายจากคนรอบข้างอีกด้วย ทำให้สภาพร่างกาย และจิตใจพร้อมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เกร็ดสุขภาพ : การจัดสรรงานให้ถูกวิธี ถือว่าเป็นการป้องกันการเกิดโรคบ้างานได้ดีที่สุด เพราะทำให้เราไม่ทำงานหนักเกินไป แถมยังมีเวลาพักผ่อนมากขึ้น สำหรับใครกำลังเป็นคนบ้างาน ลองรักษาด้วยวิธีเบื้องต้นก่อน ถ้ายังไม่หายควรไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่สายด่วน 1667 ด้านสุขภาพจิตดูค่ะ
โรคบ้างาน นอกจากจะส่งผลต่อความสัมพันธ์กับครอบครัว และเพื่อนร่วมงาน จนเกิดการแยกตัวออกจากสังคม ยังทำให้เกิดความเหงา ที่สำคัญคนบ้างานหากมีอาการรุนแรงมากขึ้น อาจเกิดปัญหาทางด้านจิตใจ ทำให้เป็น“โรคกลัวการอยู่คนเดียว” ตามมาอีกด้วย
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : en.wikipedia.org, healthline.com, psycom.net
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ