“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
แจกสูตร ต้มกระเพาะหมู พร้อมเคล็ดลับ ทำยังไงให้อร่อย ไม่มีกลิ่นคาว
ถ้าพูดถึงผลิตภัณฑ์จากหมู เนื้อหมู คงจะเป็นส่วนที่นิยมเอามาทำอาหารมากที่สุด แต่ก็ยังมีส่วนของเครื่องในที่สามารถเอามาประกอบอาหารได้เช่นกัน อย่างกระเพาะหมูก็เป็นส่วนที่นิยมนำมาปรุงอาหาร เช่น เมนูซุปกระเพาะหมู ที่เป็นอาหารยอดนิยมในประเทศแถบเอเชีย สำหรับประเทศไทยนั้น นอกจากจะนำกระเพาะหมูมาต้มทำซุปแล้ว ยังมีอีกหลากหลายเมนู อาทิ ต้มจืด ต้มยำ ยำ ผัด และทอด หรือนำมาใส่ในต้มเลือดหมู โจ๊กหมู ที่เราคุ้นเคย แต่การเอากระเพาะหมูมาทำอาหารนั้น อาจดูเป็นเรื่องยากสำหรับหลายๆ คน โดยเฉพาะการความสะอาด เพราะหากเราล้างหรือต้มไม่ดีนั้นก็จะทำให้กระเพาะหมูมีกลิ่นคาวและมีรสขมได้ แต่สำหรับใครที่ชอบกินกระเพาะหมู และอยากจะลองเอามาทำอาหารดู เรามีสูตร ต้มกระเพาะหมู และเคล็ดลับการทำกระเพาะหมูให้สะอาด อร่อย ไม่คาวมาฝากแล้วค่ะ
ต้มกระเพาะหมู 3 สูตร สำหรับคนชอบกินเมนูต้มจากกระเพาะหมู ซดคล่องคอ อร่อยถูกปาก !
ทุกคนทราบไหมคะว่า การบริโภคเครื่องในสัตว์ เป็นวิธีช่วยลดโลกร้อนทางอ้อมได้ด้วย เพราะทำให้ไม่เกิด food wase หรือขยะอาหารที่เกิดขึ้นในระบบอุตสาหกรรมอาหาร และกระเพาะหมูนั้นก็มีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมาก ในกระเพาะหมูมีแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย มีสรรพคุณช่วยบำรุงเลือดลม และยังช่วยบำรุงครรภ์ บำรุงมดลูกได้ดีอีกด้วย ในประเทศจีนนิยมเอากระเพาะหมูไปเป็นวัตถุดิบทำอาหารเพื่อบำรุงร่างกายให้แข็งแรง ใครที่สงสัยว่า กระเพาะหมู กี่แคล ? เป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพพรือไม่ กระเพาะหมู 100 กรัม ให้พลังงานประมาณ 155 แคลอรี่ มีโปรตีน 12.4 กรัม มีคาร์โบไฮเดรต 21.6 กรัม และไขมันประมาณ 2 กรัม จัดได้ว่ากระเพาะหมูเป็นอาหารที่ให้พลังงานไม่สูงมาก ทั้งยังเป็นแหล่งโปรตีน เรียกได้ว่ากระเพาะหมู เป็นวัตถุดิบที่มีประโยชน์ต่อร่างกายทีเดียวค่ะ และสำหรับใครที่ชอบกินต้มกระเพาะหมู เราก็มีสูตรมาฝากแล้วค่ะ
1. ต้มกระเพาะหมูพริกไทยดำ
ต้มกระเพาะหมูสูตรนี้ เป็นสูตรที่นิยมรับประทานกัน หอมกลิ่นพริกไทยดำ ซึ่งพริกไทยดำจะช่วยดับกลิ่นคาวของกระเพาะหมูได้เป็นอย่างดี ซดร้อนๆ เป็นอาหารเย็น หรือสำหรับใครที่ไม่มีไอเดียว่า อาหารมื้อเช้าควรกินอะไรดี ? จะกินต้มจืดกระเพาะหมูคู่กับข้าวสวยก็ได้นะคะ เป็นเมนูอาหารมื้อเช้าที่ได้พลังงานไปแบบจัดเต็มเลยค่ะ
วัตถุดิบ :
- กระเพาะหมู 1 ลูก
- พริกไทยดำเม็ด ⅓ ถ้วย
- พริกไทยป่น
- น้ำซุป 4 – 5 ถ้วย
- ซีอิ๊วขาว 4 – 5 ช้อนโต๊ะ
- ผักชีหั่นท่อน 2 ต้น
- รากผักชี 4 – 5 ราก
- เกลือเล็กน้อย
- น้ำส้มสายชู
วิธีทำ :
- ต้มน้ำจนเดือด ใส่กระเพาะหมูลงไปต้มประมาณ 5 นาที จากนั้นนำขึ้นมาแช่น้ำเย็นสักพัก และใช้มีดขูด ตัดเอาส่วนที่สกปรกหรือไขมันหนาๆ ออกไป
- นำเอากระเพาะหมูใส่ในกะละมัง เทเกลือและน้ำส้มสายชูลงไปเพื่อดับกลิ่นคาวของกระเพาะหมู จากนั้นกลับด้านออกมา
- นำรากผักชีและพริกไทยดำบุบยัดใส่ในกระเพาะหมู จากนั้นใช้ไม้จิ้มฟันหรือไม้เสียบลูกชิ้นเสียบปิดให้แน่น เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องเทศที่เราใส่เข้าไปในกระเพาะหมูหลุดออกมา
- ต้มน้ำจนเดือด และใส่กระเพาะหมูลงไปต้ม จากนั้นเบาไฟ ใช้ไฟอ่อนต้มให้กระเพาะหมูเปื่อยได้ที่ ใช้เวลาประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง
- เมื่อกระเพาะหมูจนเปื่อยดีแล้ว ให้หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นตั้งหม้อน้ำซุป ใส่กระเพาะหมูลงไป ปรุงรสเพิ่มด้วยซีอิ๊วขาวและพริกไทยป่น รอจนเดือดอีกครั้ง และปิดไฟ ตักใส่ถ้วย โรยด้วยผักชี พร้อมเสิร์ฟ
2. ต้มกระเพาะหมูผักกาดดอง
ต้มกระเพาะหมูสูตรนี้ จะได้รสเปรี้ยวนิดๆ จากผักกาดดอง เข้ากันดีกับเนื้อสัมผัสของกระเพาะหมูนุ่มๆ ซดร้อนๆ คล่องคอ ได้รสชาติกลอมกล่อม หอมกลิ่นพริกไทยมากๆ เป็นอีกเมนูหนึ่งที่มีรสชาติอร่อยและควรลองทำมากๆ ค่ะ
วัตถุดิบ :
- ผักกาดดองหั่น 100 กรัม
- กระเพาะหมู 100 กรัม
- ข่าแก่หั่น 1 แง่ง
- พริกไทยดำ 20 เม็ด
- รากผักชี 1 ราก
- กระเทียม 2 กลีบ
- เกลือเล็กน้อย
- ซีอิีวขาว
- น้ำสต๊อก 700 มิลลิลิตร
วิธีทำ :
- ล้างกระเพาะหมูให้สะอาด พักไว้
- ตั้งน้ำเดือด แล้วเอากระเพาะหมูลงไปต้มประมาณ 10 นาที หรือจนกระเพาะหมูสุก
- ตักขึ้นมาพักไว้ เมื่อเย็นลง ให้หั่นเป็นชิ้นๆ
- ตั้งหม้อน้ำซุป ใส่น้ำสต๊อกลงไป เมื่อเริ่มเดือด ใส่กระเพาะหมูลงไป ตามด้วยผักกาดดอง รากผักชี พริกไทย ข่าหั่น และกระเทียม เมื่อเดือดอีกครั้งให้เบาไฟ
- หมั่นคอยช้อนฟองทิ้ง ใช้เวลาต้มประมาณ 45 นาที จนกว่ากระเพาะหมูจะนุ่มได้ที่
- ชิมรสก่อนปรุง เนื่องจากผักกาดดองมีรสเค็มและเปรี้ยวอยู่แล้ว หากยังไม่ได้รสเค็มตามต้องการ สามารถใส่ซีอิ๊วขาวและเกลือเพิ่มได้
- เมื่อปรุงรสได้ที่แล้วให้ปิดไฟ ตักใส่ถ้วยพร้อมเสิร์ฟ
3. ต้มแซ่บกระเพาะหมู
ใครที่ชอบกินรสชาติจัดจ้าน ต้องเป็นต้มแซ่บกระเพาะหมูสูตรนี้เลยค่ะ กระเพาะหมูนุ่มๆ เข้ากันได้ดีกับรสเผ็ด เปรี้ยว เค็ม จะรับประทานเป็นมื้อเย็นเดี่ยวๆ สำหรับผู้ที่กำลังคุมอาหารก็ได้ ไม่ต้องกังวลว่ากระเพาะหมู กี่แคล เพราะให้พลังงานน้อย มีโปรตีนสูง แล้วในต้มแซ่บก็มีสมุนไพรไทยหลายชนิด โดยเฉพาะสรรพคุณข่า ตะไคร้ที่ช่วยดับกลิ่นคาวกระเพาะหมูได้เป็นอย่างดี ถ้าใครเบื่อต้มกระเพาะหมูธรรมดาๆ ลองเปลี่ยนมาเป็นต้มแซ่บกระเพาะหมูดูก็ได้นะคะ
วัตถุดิบ :
- กระเพาะหมู 100 กรัม
- ข่าหั่น 1 แง่ง
- ตะไคร้หั่นท่อน 1 ต้น
- ใบมะกรูดฉีก 2 – 3 ใบ
- พริกป่นตามชอบ
- หริกแห้งทอด ตามชอบ
- ข้าวคั่ว ½ ช้อนโต๊ะ
- เกลือเล็กน้อย
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทรายเล็กน้อย
- น้ำมะขามเปียก 1 ช้อนโต๊ะ
- มะเขือเทศ 1 ลูกใหญ่
- มะนาว 1 ลูก
- หอมแดง 3 หัว
- ผักชีฝรั่ง 1 ต้น
วิธีทำ :
- ตั้งหม้อ เทน้ำเปล่าลงไป ใส่เกลือ และเอากระเพาะหมูลงไปต้ม
- คนกระเพาะหมูให้โดนความร้อนทั่วถึง
- ต้มกระเพาะหมูประมาณ 45 นาที จากนั้นปิดไฟและพักไว้
- หั่นผักชีฝรั่งเป็นท่อนๆ และหั่นมะเขือเทศออกเป็น 4 ส่วน พักไว้
- นำเอากระเพาะหมูที่ต้มเรียบร้อยแล้วมาหั่นเป็นชิ้นๆ พอดีคำ พักไว้
- นำหม้อตั้งไฟ รอจนน้ำเดือด จากนั้นใส่ข่า ตะไคร้ หอมแดง มะเขือเทศ กระเพาะหมู ใบมะกรูด น้ำมะขามเปียก น้ำตาลทราย น้ำปลา ข้าวคั่ว และพริกป่น
- คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันดี
- ปิดไฟ ตักใส่ถ้วย โรยพริกแห้งทอดและผักชีฝรั่ง พร้อมกับบีบมะนาวก่อนเสิร์ฟ
วิธีล้างกระเพาะหมูให้สะอาด
การจะทำเมนูกระเพาะหมูให้อร่อยนั้น สิ่งสำคัญเลยก็คือ การเตรียมกระเพาะหมูค่ะ หากล้างกระเพาะหมูให้สะอาด ก็จะช่วยขจัดกลิ่นคาวได้เป็นอย่างดี เอามาทำอาหารได้อร่อยมากยิ่งขึ้น ซึ่งวิธีล้างกระเพาะหมู ทำได้ตามนี้ค่ะ
สิ่งที่ต้องเตรียม :
- แป้งข้าวโพด
- เกลือ
- กรรไกรสำหรับตัดอาหาร
วิธีล้างกระเพาะหมู :
- ทำความสะอาดด้วยเกลือและแป้งข้าวโพด ด้วยการแบ่งเกลือและแป้งข้าวโพดลงในชามแยก 2 ใบ
- ทาแป้งข้าวโพดลงบนกระเพาะหมูแล้วถูให้ทั่ว
- จากนั้นถูด้านนอกด้วยเกลือให้ทั่ว แล้วกลับด้านในออกแล้วถูด้วยเกลืออีกครั้ง
- เมื่อถูจนทั่วทั้งด้านในและด้านนอกแล้ว ให้ล้างออกด้วยน้ำเย็น โดยล้างกระเพาะหมูใต้น้ำไหล และล้างซ้ำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะไม่ได้กลิ่นคาว
- สะเด็ดน้ำ 2-3 ครั้งเพื่อล้างเศษอาหารออกจากกระเพาะหมู ในขั้นตอนนี้สามารถใช้กรรไกรตัดหรือดึงไขมันส่วนเกินหรือเยื่อบุกระเพาะอาหารทิ้งไป ไม่ควรให้มีเยื่อบุไขมันสีขาวบนกระเพาะหมู
- จากนั้นกลับด้านในของกระเพาะหมูออกมาให้เหมือนเดิมเมื่อล้างเสร็จแล้ว
เกร็ดสุขภาพ : ในขั้นตอนการล้างกระเพาะหมู เพื่อสุขอนามัยของตนเองควรล้างมือให้สะอาดหลังจากจับกระเพาะหมู เพื่อหลีกเลี่ยงการปนเปื้อนจากเชื้อแบคทีเรีย โดยล้างมือกับสบู่หรือน้ำยาล้างมือหลายๆ ครั้ง เพราะแบคทีเรียที่มีอยู่ในกระเพาะหมูนั้นสามารถทำให้เกิดการเจ็บป่วยรุนแรงต่อเราได้ หรือจะใส่ถุงมือยางก่อนสัมผัสกระเพาะหมูดิบก็ได้เช่นกันค่ะ
วิธีต้มกระเพาะหมูเพื่อเตรียมสำหรับทำอาหาร
หลังจากที่เราทำความสะอาดล้างกระเพาะหมูจนไร้กลิ่นคาวแล้วนั้น ขั้นตอนต่อไปคือการนำเอากระเพาะหมูไปต้มหรือลวกก่อนอีกครั้งเพื่อให้สะอาดและไม่ให้มีรสขม แล้วถึงจะนำไปปรุงอาหารต่อไป มาดูวิธีทำกันเลยค่ะ
วัตถุดิบและอุปกรณ์ที่ต้องเตรียม :
- กระเพาะหมูที่ล้างทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว
- น้ำเปล่า
- เกลือและพริกไทยเล็กน้อย
- หม้อต้ม
- มีด
วิธีทำ :
- ตั้งหม้อบนเตา ใส่กระเพาะหมูที่ล้างแล้วลงไป เติมน้ำในหม้อให้พอท่วมกระเพาะหมู เปิดไฟแรงและต้มจนน้ำเดือด จากนั้นเติมเกลือและพริกไทยลงไป
- ต้มกระเพาะหมูเป็นเวลา 30 นาทีโดยใช้ไฟแรงปานกลาง เมื่อน้ำเริ่มเดือดให้ลดความร้อนลงและปล่อยให้กระเพาะหมูถูกเคี่ยวเป็นเวลา 30 นาที ซึ่งกระเพาะหมูจะมีกลิ่นแรงขณะต้ม ควรเปิดหน้าต่างครัวเพื่อขจัดกลิ่นออกไป
- เมื่อต้มเป็นเวลา 30 นาทีแล้วให้ปิดไฟ ตักกระเพาะหมูใส่กระชอนและพักให้เย็นอย่างน้อยประมาณ 10 นาที
- เมื่อกระเพาะหมูเริ่มเย็นตัวลง ใช้นิ้วดึงไขมันและเศษเนื้อออกจากกระเพาะหมูให้เรียบร้อย
- นำไปหั่นเพื่อประกอบอาหารต่อไป โดยใช้มีดตัดกระเพาะหมูเป็นเส้นเล็กๆ ขนาดประมาณ ½ นิ้ว เพื่อนำไปประกอบอาหารเมนูอื่นๆ
เกร็ดสุขภาพ : หลังจากที่ต้มกระเพาะหมูเรียบร้อยแล้ว หากไม่ต้องการนำไปทำอาหารในทันทีก็สามารถเก็บกระเพาะหมูเอาไว้ก่อนได้ หลังจากต้มกระเพาะหมูเสร็จและพักไว้ให้เย็นลงแล้ว ให้นำมาห่อด้วยแรปพลาสติกยืดหลายๆ ชั้นแล้วใส่ไว้ในถุงซิปล็อคอีกที จากนั้นนำไปแช่ช่องฟรีซหรือช่องแช่แข็งในตู้เย็น โดยสามารถแช่แข็งเก็บไว้ได้ประมาณ 1 เดือน และถ้าต้องการนำมาปรุงอาหาร แค่เพียงเอามาไว้ในตู้เย็นช่องปกติข้ามคืนเพื่อให้น้ำแข็งละลาย ก็สามารถใช้ได้แล้วค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับสูตรเมนูกระเพาะหมู และเคล็ดลับในการล้าง – ต้มกระเพาะหมูให้สะอาด ไม่มีกลิ่นคาว ความจริงแล้ว การเตรียมกระเพาะหมูไม่ใช่เรื่องยากเลยสักนิด เพียงแต่ว่าต้องใช้เวลาสักหน่อย สำหรับใครที่ชอบกินกระเพาะหมู นอกจากจะหมดความกังวลเรื่องกระเพาะหมู กี่แคลแล้ว ยังหมดปัญหาเวลาทำอาหารกินเองแล้วมีกลิ่นคาวจากกระเพาะหมู หากรู้ถึงวิธีล้างและต้มอย่างถูกต้อง ก็ทำให้เราได้กระเพาะหมูที่สะอาดและนำไปทำอาหารได้อร่อย ไม่มีกลิ่นคาวและไม่มีรสขมแล้วค่ะ
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : pitchameat.com, cookpad.com, wokandkin.com, knorr.com
Featured Image Credit : th.openrice.com
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ