“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
แจกวิธีทำต้มจืดเต้าหู้หมูสับ พร้อมทิปส์การกินให้อร่อยยิ่งกว่าที่เคย !
ต้มจืดเป็นเมนูคู่ครัวของคนไทยเพราะทำง่าย รสชาติอร่อยกลมกล่อม ไม่หนักท้อง มีคุณค่าครบถ้วน แถมยังสามารถประยุกต์ไอเดียการทำได้หลากหลายขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่เรามี เช่น ต้มจืดเต้าหู้หมูสับสาหร่าย ต้มจืดผักรวม ต้มจืดปลาหมึกยัดไส้ เป็นต้น แต่สำหรับวันนี้เราจะมาแนะนำ วิธีทำต้มจืดเต้าหู้หมูสับ ที่เป็นเมนูสุดเบสิก เรียกได้ว่าเป็นพื้นฐานของต้มจืดและสามารถนำไปดัดแปลงเพิ่มเติมต่อได้ตามความชอบของแต่ละคน ใครกำลังหาสูตรต้มจืดเต้าหู้หมูสับอร่อยๆ ห้ามพลาดนะคะ
วิธีทำต้มจืดเต้าหู้หมูสับ สูตรอร่อย ทำง่าย ได้สุขภาพ
วิธีทำต้มจืดเต้าหู้หมูสับแบบฉบับพื้นฐาน ได้รสหวานจากแครอทและหมูสับ มีกลิ่นหอมของคื่นช่าย ปรุงรสอ่อนๆ กลมกล่อมกำลังดี
วัตถุดิบ :
- เต้าหู้อ่อน 2 ก้อน
- หมูสับ 2 ขีด
- น้ำซุปหรือน้ำสะอาด 2 ถ้วย
- แครอทหั่นแว่น 1 หัว
- คื่นช่ายหั่นท่อน 1 กำ
- ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
- เกลือ 1 ช้อนชา
วิธีทำ :
- หมักหมูสับกับซีอิ๊วขาว พริกไทย อาจเติมแป้งข้าวโพดลงไปเล็กน้อย ผสมจนเนื้อเนียนดี นำใส่ตู้เย็น 30 นาที
- หั่นเต้าหู้อ่อนเป็นสี่เหลี่ยม พักไว้
- นำหมูสับที่หมักครบเวลาแล้วมาปั้นเป็นก้อนขนาดพอดีคำ พักไว้
- ตั้งหม้อ เปิดไฟกลาง ใส่น้ำซุปหรือน้ำสะอาดลงไปตามด้วยแครอทและคื่นช่าย รอจนน้ำเดือด
- ใส่หมูสับที่ปั้นก้อนเอาไว้ตามด้วยเต้าหู้ ต้มต่ออีก 15 – 20 นาที ปรุงรสด้วยเหลือและพริกไทย
- เท่านี้วิธีทำต้มจืดเต้าหู้หมูสับของเราก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
เกร็ดสุขภาพ : คื่นช่ายเป็นผักที่เรานิยมนำมาแต่งกลิ่นอาหารเพราะคื่นช่ายมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว แต่นอกจากกลิ่นหอมและรสชาติที่สดชื่นแล้ว คื่นช่ายยังมีสรรพคุณบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน ช่วยบำรุงกระเพาะอาหารและช่วยย่อยอาหาร ช่วยบรรเทาอาการเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร เช่น โรคบิด ท้องเสีย ท้องร่วง หรือท้องอืดท้องเฟ้อ เป็นต้น นอกจากนี้คื่นช่ายยังมีส่วนช่วยขับลม ขับปัสสาวะ และช่วยบรรเทาอาการเกี่ยวกับโรคนิ่วอีกด้วย
ทิปส์กินต้มจืดเต้าหู้หมูสับให้อร่อยและมีประโยชน์ดีๆ
ได้รู้วิธีทำต้มจืดเต้าหู้หมูสับกันไปแล้ว คราวนี้เราลองมาดูทิปส์การกินต้มจืดให้อร่อยมากขึ้นกว่าเดิมกันดีกว่า จะมีเคล็ดลับอะไรมาเปลี่ยนต้มจืดสูตรพื้นฐานให้อร่อยขึ้นบ้าง เรามีแนวทางดีๆ มาฝากถึง 3 แนวทางด้วยกัน
- เติมสาหร่ายเข้าไปอีกนิด
ต้มจืดเต้าหู้หมูสับสาหร่ายจะมีรสชาติเค็มจากสาหร่ายทำให้ต้มจืดอร่อยและกลมกล่อมมากขึ้น ที่สำคัญยังได้กลิ่นหอมของสาหร่ายและรสชาติกรุบๆ แบบไม่เหมือนใคร นอกจากนี้สาหร่าย ประโยชน์ดีๆ ยังมีมากมาย เพราะในสาหร่ายอุดมไปด้วยแคลเซียม โปรตีน สังกะสี แมกนีเซียม โพแทสเซียม ทองแดง ธาตุเหล็ก และมีใยอาหารสูงมาก ต้มจืดสูตรนี้จึงทั้งอร่อยและช่วยป้องกันอาการท้องผูก ช่วยบำรุงผมให้เงางาม ดกดำ ช่วยลดคอเลสเตอรอล บำรุงผิวให้เนียนนุ่มดูชุ่มชื้น และยังช่วยคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดี
- เพิ่มความหลากหลายด้วยสารพัดเนื้อ
ต้มจืดไม่จำเป็นต้องใช้เต้าหู้หมูสับเป็นเครื่องเท่านั้น เพราะเราสามารถเพิ่มความอร่อยให้กับต้มจืดถ้วยโปรดได้ด้วยการเติมเนื้อสัตว์ที่หลากหลายลงไป เช่น เนื้อปลา กุ้ง ปลาหมึก หรือจะเลือกใช้เต้าหู้ไข่แทนเต้าหู้อ่อนก็ยังได้
- เพิ่มคุณค่าด้วยสารพัดผัก
ต้มจืดสามารถใส่ผักได้ทุกชนิดที่เราชอบ ไม่ว่าจะทำต้มจืดใส่ผักหวาน ตำลึง ผักโขม กะหล่ำปลี หรือผักกาดขาว ส่วนใครอยากเติมความแปลกใหม่อาจเลือกใส่รากบัวสรรพคุณดีๆ เข้าไปก็ได้ทั้งความอร่อยและคุณประโยชน์มากมาย
เกร็ดสุขภาพ : ตำลึงเป็นผักริมรั้วที่คนไทยนิยมนำมาทำอาหารหลายอย่างโดยเมนูยอดฮิตก็คือตำลึงผัดไข่และต้มจืดตำลึง ใบและยอดอ่อนของตำลึงอุดมไปด้วยสารอาหารมากมายไม่ว่าจะเป็น โปรตีน ใยอาหาร เบตาแคโรทีน วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินซี แคลเซียม ฟอสฟอรัส และธาตุเหล็ก เป็นต้น นอกจากนี้ตำลึงยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสื่อม ช่วยบำรุงผิวคล้ายมะเขือเทศสรรพคุณผิวสวย ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งในกระเพาะอาหาร ส่วนใครที่มีผู้ป่วยเบาหวานในบ้าน ลองนำตำลึง 1 กำมาล้างให้สะอาดจากนั้นต้มแล้วคั้นเอาแต่น้ำ ดื่มวันละ 2 ครั้งเช้า – เย็น จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มระดับอินซูลิน และยังช่วยป้องกันการเกิดโลหิตจางได้ด้วย
ได้รู้จักวิธีทำต้มจืดเต้าหู้หมูสับสูตรง่ายๆ แต่อร่อย อิ่มสบายท้องแบบเบาๆ กันไปแล้ว คราวนี้ใครอยากนำสูตรไปต่อยอดเป็นต้มจืดเต้าหู้หมูสับสาหร่าย ต้มจืดตำลึง ต้มจืดสารพัดผัก หรือต้มจืดถ้วยโปรดอื่นๆ ก็สร้างสรรค์ได้ตามความชอบของเราได้อิสระ นอกจากนี้ใครที่กำลังลดน้ำหนักยังสามารถกินต้มจืดเปล่าๆ ไม่กินข้าวสวยหรือจะใส่วุ้นเส้นลงไปในต้มจืดเพื่อให้อยู่ท้องนานขึ้นก็เป็นอีกเทคนิคดีๆ เหมือนกันนะ เห็นไหมคะว่าเมนูง่ายๆ อย่างต้มจืดสามารถประยุกต์ได้หลากหลายมากๆ ลองเลือกเมนูที่เราชอบและเหมาะกับเราที่สุดกันได้เลย
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : cookpad.com, matichon.co.th, medthai.com
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ