“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
อาการฮีทสโตรก คืออะไร ? บอกวิธีสังเกตตนเองพร้อมการป้องกัน
อากาศที่ร้อนของประเทศไทยนอกจากจะส่งผลต่อผิวหนังของเราแล้ว ยังส่งผลต่อระบบร่างกายภายในอีกด้วย อย่างเช่น อาการอ่อนเพลียจากความร้อนที่เกิดขึ้นได้บ่อยๆ แต่มักไม่ร้ายแรงหากร่างกายเราสามารถเย็นลงได้ภายใน 30 นาที อาจจะด้วยการดื่มน้ำ เข้าที่ร่ม หรือนั่งพักเพื่อหลบแดด แต่ถ้าหากกลายเป็นลมแดดหรือฮีทสโตรก คืออาการที่จะต้องถือว่าเป็นกรณีฉุกเฉินและอันตรายด้วยค่ะและ อาการฮีทสโตรก คืออะไร ? เราสามารถป้องกันได้อย่างไรบ้าง มาดูวิธีปฏิบัติเพื่อดูแลตัวเองกันเลย
อาการฮีทสโตรก คืออะไร ? รู้ไว้ป้องกันตนเอง
โรคลมแดด หรือฮีทสโตรก คือภาวะที่ร่างกายมีความร้อนสูงเกินไป ซึ่งมักเกิดจากการสัมผัสเป็นเวลานานหรือออกแรงทางกายภาพในที่ที่มีอุณหภูมิสูง อาจเกิดขึ้นได้หากอุณหภูมิร่างกายของเราสูงขึ้นไปถึง 40 องศาเซลเซียสหรือมากกว่า และภาวะนี้พบได้บ่อยที่สุดในฤดูร้อน
โรคลมแดดต้องได้รับการรักษาฉุกเฉิน เพราะอาการฮีทสโตรกคืออาการที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ โรคลมแดดที่ไม่ได้รับการรักษาสามารถทำลายสมอง หัวใจ ไต และกล้ามเนื้อของคุณได้อย่างรวดเร็ว และความเสียหายยิ่งแย่ลงไปอีกหากการรักษาล่าช้า ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดโรคแทรกซ้อนร้ายแรงหรือเสียชีวิตได้นั่นเอง
- สาเหตุของการเกิดฮีทสโตรก
โรคฮีทสโตรกนั้นมีสาเหตุที่อาจเกิดได้ 2 กรณี ที่แบ่งตามประเภทของโรคได้ ดังนี้
- โรคฮีทสโตรกทั่วไป (Non-exertional Heat Stroke: NEHS)
เกิดจากการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ร้อนที่จะทำให้อุณหภูมิแกนกลางลำตัวสูงขึ้น ฮีทสโตรกประเภทนี้มักเกิดขึ้นหลังจากสัมผัสกับสภาพอากาศที่ร้อนและชื้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นระยะเวลานาน มักพบในผู้สูงอายุและผู้ที่ป่วยเรื้อรัง หรือผู้ที่ต้องรับประทานยาเบาหวาน ความดัน รวมทั้งพบในกลุ่มผู้ที่ใช้สารเสพติด หรือยาคลายกล้ามเนื้อ และยานอนหลับในคนที่เป็นโรคซึมเศร้าอีกด้วย
- โรคฮีทสโตรกจากการออกกำลังกาย (Exertional Heat Stroke : EHS)
เกิดจากการทำกิจกรรมที่มีพลัง และทำให้อุณหภูมิแกนกลางลำตัวที่เพิ่มขึ้นจากการออกกำลังกายอย่างหนักในสภาพอากาศร้อน ซึ่งอาการฮีทสโตรกประเภทนี้คืออาการที่สามารถเกิดขึ้นกับใครก็ตามที่ออกกำลังกายหนักหรือหักโหมเกินไป หรือทำงานในสภาพอากาศร้อนก็อาจเกิดอาการฮีทสโตรกได้ และมักเกิดขึ้นได้ถ้าคุณไม่คุ้นเคยกับอุณหภูมิที่สูง
เกร็ดสุขภาพ : ปัจจัยบางอย่างสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่ออาการอ่อนเพลียจากความร้อนและโรคฮีทสโตรกได้ ได้แก่ อายุ ทารกและเด็กอายุต่ำกว่า 4 ปี และผู้ใหญ่อายุ 65 ปีขึ้นไป มีความเสี่ยงที่จะเจ็บป่วยจากฮีทสโตรกเพิ่มขึ้น นั่นเป็นเพราะความสามารถในการควบคุมอุณหภูมินั้นยากขึ้นในวัยเหล่านี้นั่นเองค่ะ
- อาการแสดงของฮีทสโตรกมีอะไรบ้าง
- อุณหภูมิร่างกายสูง 40 องศาเซลเซียสหรือสูงกว่า นี่เป็นสัญญาณหลักของอาการฮีทสโตรกคืออาการหนึ่งที่จะสามารถรับรู้ได้ด้วยการใช้เครื่องวัดอุณหภูมิ รวมถึงผิวของคุณอาจเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่ออุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นด้วย
- มีสภาพจิตใจหรือพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป มีความสับสน กระสับกระส่าย พูดไม่ชัด หงุดหงิด เพ้อ ชัก ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผลมาจากโรคฮีทสโตรก
- มีการเปลี่ยนแปลงในการขับเหงื่อ ในโรคฮีทสโตรกที่เกิดจากอากาศร้อน ผิวของคุณจะรู้สึกร้อนและแห้งเมื่อสัมผัส แต่ในโรคฮีทสโตรกที่เกิดจากการออกกำลังกายที่ต้องใช้กำลังมากนั้น ผิวของคุณอาจรู้สึกแห้งหรือชื้นเล็กน้อย
- อาการฮีทสโตรกคือ คลื่นไส้และอาเจียน คุณอาจรู้สึกไม่สบายท้องหรืออาเจียนได้ และอาจมีอาการเวียนหัวปวดหัวร่วมด้วย
- อัตราการเต้นของหัวใจมีการเปลี่ยนไป ชีพจรของคุณอาจเพิ่มขึ้นอย่างมากเนื่องจากความเครียดจากความร้อน รวมถึงมีอาการหายใจเร็วอีกด้วย
- รู้สึกกระหายน้ำมากๆ หากคุณรู้สึกร่างกายร้อนและกระหายน้ำสุดๆ นี่อาจเป็นอาการของฮีทสโตรกได้
- วิธีดูแลรักษาตัวเองเมื่อเกิดอาการฮีทสโตรกคืออะไรบ้าง
อาการฮีทสโตรก คืออาการที่พบได้เหมือนกันทั้งในผู้ใหญ่และเด็ก รวมถึงยังมีอาการคล้ายกับอาการของความดันต่ำอีกด้วย แนะนำให้สังเกตตนเองรวมถึงทำร่างกายให้เย็นลง หากไม่ดีขึ้นให้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เย็นขึ้น ทำให้ผิวของเราเย็นลงด้วยการประคบด้วยน้ำเย็นหรือวางถุงน้ำแข็งหรือผ้าขนหนูเปียกเย็นๆ ไว้บนตัว ศีรษะ คอ รักแร้ และขาหนีบ ใช้พัดลมหรือพัดพัดให้รู้สึกคลายร้อน อย่าลืมดื่มน้ำในปริมาณมาก อาจดื่มเป็นเครื่องดื่มเกลือแร่ก็ได้ และนอนราบลงพร้อมยกเท้าขึ้นเล็กน้อย หากทำตามวิธีเหล่านี้แล้ว ร่างกายจะเริ่มเย็นลงและรู้สึกดีขึ้นภายใน 30 นาที แต่หากไม่ดีขึ้นให้รีบไปพบแพทย์ เพราะนั่นหมายถึงอาการฮีทสโตรกคือรุนแรงจนอาจเป็นอันตราย
เกร็ดสุขภาพ : วิธีหลักวิธีหนึ่งในการป้องกันโรคที่เกี่ยวกับความร้อนและอาการฮีทสโตรกคือการรักษาอุณหภูมิร่างกายให้เย็นลง สิ่งนี้สำคัญอย่างยิ่งเมื่อคุณทำงานหรือทำกิจกรรมนอกบ้านท่ามกลางความร้อนหรือแสงแดด พยายามอย่าให้ร่างกายขาดน้ำ โดยดื่มน้ำ 2-4 แก้วทุกชั่วโมงขณะทำกิจกรรมนอกบ้านท่ามกลางอากาศร้อน เพราะร่างกายของเราต้องการน้ำมากกว่าปกติ เนื่องจากสูญเสียของเหลวมากขึ้นจากการขับเหงื่อ นอกจากนี้การสวมเสื้อผ้าสีอ่อน หลวม และน้ำหนักเบา ก็จะช่วยระบายความร้อนจากร่างกายได้ และควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการขาดน้ำด้วยค่ะ
ในวันที่อากาศร้อน พยายามทำกิจกรรมภายในบ้านหรือในอาคารให้มากขึ้น หรือจะเลือกนอนกลางวันพักผ่อนก็ได้ ซึ่งนอนกลางวันดีไหมนั้น ก็เป็นการช่วยรีเฟรชร่างกายได้ดีค่ะ และควรอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีการควบคุมอุณหภูมิหรือปรับอากาศ
พยายามหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมนอกบ้านในช่วงที่ร้อนที่สุดของวันและแสงแดดส่องถึงโดยตรง เพื่อป้องกันการเกิดโรคฮีทสโตรกหรือลมแดด เพราะอาการฮีทสโตรกคืออาการที่เสี่ยงและเป็นอันตรายต่อชีวิตเราได้นั่นเอง
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : nhs.uk, webmd.com, mayoclinic.org, healthline.com, bangkokhospital.com
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ