“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
olive oil คือน้ำมันที่ดีต่อสุขภาพจริงหรือ ? ชวนรู้จักน้ำมันมะกอกและสรรพคุณดีๆ กัน
ไขมันในอาหารอาจฟังดูเป็นสิ่งที่น่ากลัว โดยเฉพาะไขมันสัตว์ที่เรารู้กันดีกว่าหากบริโภคมากไปจะไม่ดีต่อสุขภาพ แต่สำหรับน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์นั้นกลับมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะน้ำมันมะกอกมีกรดไขมันและสารต้านอนุมูลอิสระที่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพได้ดี รวมถึงลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจได้อีกด้วย เช่นเดียวกับประโยชน์ของน้ำมันเมล็ดในปาล์มที่เรารู้จักกันดี และเพื่อชวนให้ทุกคนได้รู้จักว่า olive oil คืออะไร และรู้ถึงสรรพคุณน้ำมันมะกอกกันว่ามีอะไรบ้าง ตามเรามาอ่านบทความนี้กันเลยค่ะ
- olive oil คืออะไร ? ดีต่อสุขภาพจริงหรือ ?
น้ำมันมะกอก หรือ olive oil คือส่วนประกอบหลักของอาหารเมดิเตอร์เรเนียนที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ไขมันหลักของ olive oil คือกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (MUFAs) ซึ่งเป็นไขมันที่ดีต่อสุขภาพ และสารต้านอนุมูลอิสระในน้ำมันมะกอกอาจช่วยปกป้องร่างกายจากความเสียหายของเซลล์ที่อาจนำไปสู่สภาวะสุขภาพและโรคต่างๆ ได้ โดยทั่วไปน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์มีรสขม แต่ก็มีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าชนิดอื่นเนื่องจากผ่านกระบวนการน้อยที่สุด
olive oil คืออะไร และมีกระบวนการทำงานอย่างไร ?
olive oil คือน้ำมันที่สกัดมาจากผลมะกอก และมีขั้นตอนการผลิตจากการสกัดโดยใช้ตัวทำละลายเคมี และเรียกว่าน้ำมันกากมะกอก หรือ olive pomace oil ซึ่งจัดว่าเป็นน้ำมันมะกอกเกรดต่ำที่สุดและมีราคาถูก มีปริมาณของสารต้านอนุมูลอิสระที่น้อยมาก รวมถึงมีไขมันดีน้อยกว่าน้ำมันมะกอกชนิดอื่นๆ และเหมาะกับการทำอาหารที่ต้องใช้ความร้อนสูง เป็นประเภทของน้ำมันมะกอกที่ไม่ค่อยได้รับความนิยมนักสำหรับคนรักสุขภาพ
เกร็ดสุขภาพ : น้ำมันมะกอกสมัยใหม่จะมีกระบวนการผลิตโดยการบดมะกอกและแยกน้ำมันออกจากเนื้อในเครื่องหมุนเหวี่ยง และจะได้น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์จากธรรมชาติ 100% ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก และน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์หรือ extra virgin นั้นมีคุณค่าทางโภชนาการมากมาย ซึ่งน้ำมันมะกอกหนึ่งช้อนโต๊ะจะมีไขมันอิ่มตัว 14% ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว 73% ที่ส่วนใหญ่เป็นกรดโอเลอิก วิตามินอี 13% และวิตามินเค 7%
- เลือกซื้อน้ำมันมะกอกอย่างไร
การเลือกซื้อน้ำมันมะกอกให้ถูกประเภทเป็นสิ่งสำคัญ ประเภทของ olive oil คือ 3 เกรดหลัก ได้แก่ น้ำมันมะกอกกลั่น (refined), น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ (virgin) และน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษ (extra virgin) ซึ่งน้ำมันมะกอกแบบ extra virgin นั้นเป็นชนิดที่ผ่านกระบวนการกลั่นหรือกลั่นน้อยที่สุด และถือเป็นน้ำมันมะกอกที่ดีต่อสุขภาพที่สุดด้วย สกัดโดยใช้วิธีการทางธรรมชาติและได้มาตรฐานสำหรับความบริสุทธิ์ และมีคุณสมบัติทางประสาทสัมผัสบางอย่าง เช่น รสชาติ และกลิ่น ที่ต่างจากประเภทอื่นๆ น้ำมันมะกอก extra virgin จะมีรสค่อนข้างขม แต่ก็มีสารต้านอนุมูลอิสระฟีนอลิกสูงที่สุดในทุกประเภท จึงเป็นเหตุผลหลักว่าทำไมจึงมีประโยชน์ต่อสุขภาพ
เกร็ดสุขภาพ : การนำน้ำมันมะกอกมาปรุงอาหารนั้น น้ำมันมะกอก extra virgin เหมาะสำหรับการกินสดกับสลัด หรือผสมกับซอสต่างๆ แต่ห้ามนำไปปรุงอาหารที่ต้องใช้ความร้อนสูงเด็ดขาด เพราะไขมันดีจะเปลี่ยนเป็นไขมันเลวทันที และเป็นอันตรายต่อร่างกาย ส่วนน้ำมันมะกอก virgin เหมาะสำหรับการราดลงบนสลัดหรือทำซอสเช่นเดียวกัน และไม่เหมาะใช้กับอาหารที่ต้องผ่านความร้อนสูง และน้ำมันมะกอกแบบผ่านกรรมวิธี ได้แก่ refined, light, extra light เป็นน้ำมันที่ถูกสกัดเอาสี กลิ่น และรสออกโดยผ่านความร้อน สามารถทนความร้อนได้ จึงเหมาะกับการนำไปทำอาหารผัดหรือทอดที่ต้องทอดนานๆ แต่ไม่นิยมกินสดกับสลัดหรือนำไปทำซอส
- ประโยชน์และสรรพคุณน้ำมันมะกอก
- อุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวที่ดีต่อสุขภาพ
olive oil คือ น้ำมันที่อุดมไปด้วยกรดไขมันที่โดดเด่น ได้แก่ ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวที่เรียกว่ากรดโอเลอิกซึ่งคิดเป็น 73% ของปริมาณน้ำมันทั้งหมด โดยสรรพคุณน้ำมันมะกอกคือ ช่วยลดการอักเสบและอาจมีผลดีต่อยีนที่เชื่อมโยงกับมะเร็ง และไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวยังค่อนข้างทนต่อความร้อนสูง ทำให้น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์เป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพสำหรับการปรุงอาหาร
- มีสารต้านอนุมูลอิสระจำนวนมาก
น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์มีคุณค่าทางโภชนาการพอสมควร นอกเหนือจากกรดไขมันที่เป็นประโยชน์แล้วยังมีวิตามินอีและเคในปริมาณที่พอเหมาะ และยังเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ สารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้มีฤทธิ์ทางชีวภาพและอาจลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเรื้อรังได้ นอกจากนี้ยังต่อสู้กับการอักเสบและช่วยป้องกันคอเลสเตอรอลในเลือดจากการเกิดออกซิเดชั่น ทำให้มีประโยชน์ในการลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ
- ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง
โรคหลอดเลือดสมองเกิดจากความผิดปกติของการไหลเวียนของเลือดไปยังสมอง ไม่ว่าจะเป็นลิ่มเลือดหรือเลือดออก ซึ่งโรคหลอดเลือดสมองนั้นเป็นสาเหตุการเสียชีวิตเป็นอันดับสองรองจากโรคหัวใจ และน้ำมันมะกอกเป็นแหล่งเดียวของไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวที่เกี่ยวข้องกับการลดความเสี่ยงของโรคดังกล่าว ผู้ที่กินน้ำมันมะกอกเป็นประจำจึงมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดสมองน้อยกว่ามากนั่นเอง
- ป้องกันโรคหัวใจ
โรคหัวใจเป็นสาเหตุการเสียชีวิตที่พบบ่อยที่สุดในโลก และน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์เป็นหนึ่งในส่วนประกอบสำคัญในอาหารที่ช่วยป้องกันโรคหัวใจได้ เหมือนประโยชน์แมคคาเดเมีย ทั้งช่วยลดการอักเสบและปกป้อง LDL คอเลสเตอรอลที่ไม่ดี จากการเกิดออกซิเดชั่น ช่วยเพิ่มเยื่อบุหลอดเลือดและอาจช่วยป้องกันการแข็งตัวของเลือดมากเกินไปอีกด้วย นอกจากนี้ยังช่วยลดความดันโลหิตซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดสำหรับโรคหัวใจและการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร หากคุณมีโรคหัวใจหรือมีประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจหรือปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ลองใส่น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์จำนวนมากลงในอาหารของคุณนะคะ
- ลดความเสี่ยงโรคเบาหวานประเภท 2
น้ำมันมะกอกสามารถป้องกันโรคเบาหวานประเภท 2 ได้ดี เพราะมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดและความไวของอินซูลิน ซึ่งหากกินอาหารที่อุดมไปด้วยน้ำมันมะกอกเป็นประจำ จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานประเภท 2 ได้มากกว่า 40%
- มีคุณสมบัติในการต่อต้านมะเร็ง
มะเร็งเป็นหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตที่พบบ่อยที่สุดในโลก และสารต้านอนุมูลอิสระในน้ำมันมะกอกสามารถลดความเสียหายจากการเกิดออกซิเดชั่นเนื่องจากอนุมูลอิสระซึ่งเชื่อว่าเป็นตัวการสำคัญของโรคมะเร็งได้
- ต้านเชื้อแบคทีเรีย
น้ำมันมะกอกมีสารอาหารมากมายที่สามารถยับยั้งหรือฆ่าแบคทีเรียที่เป็นอันตรายได้ หนึ่งในนั้นคือ Helicobacter pylori ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในกระเพาะอาหารและอาจทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารและมะเร็งกระเพาะอาหารได้ หากเรากินน้ำมันมะกอกทุกวันในปริมาณ 30 กรัม จะสามารถกำจัดการติดเชื้อ Helicobacter pylori ในคนได้ 10–40% ในเวลาเพียงสองสัปดาห์
olive oil คือน้ำมันที่ดีต่อสุขภาพ และกลายเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่คนรักสุขภาพ โดยเฉพาะในกลุ่มคนกินคีโต จะนิยมนำน้ำมันมะกอกมาปรุงอาหาร ราดบนสลัดแทนน้ำสลัด เช่นเดียวกับการนิยมดื่มน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์ควบคู่ไปด้วย เนื่องจากน้ำมันมะกอกนั้นเป็นมิตรต่อชาวคีโตในเรื่องของกรดไขมันที่ดีต่อร่างกายแล้วนั้น ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพอีกด้วย จึงมีประโยชน์ต่อหัวใจ สมอง ข้อต่อ และอื่นๆ ด้วยนั่นเองค่ะ
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : healthline.com, medicalnewstoday.com, olivewellnessinstitute.org, topspicks.tops.co.th
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ