“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
โรคเกี่ยวกับระบบหายใจ มีอะไรบ้าง ? พร้อมวิธีดูแลป้องกันตัวเอง
อากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยอีกทั้งยังมีปัจจัยอย่างฝุ่นควันและมลพิษ สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นสาเหตุทำให้เกิด โรคเกี่ยวกับระบบหายใจ ต่างๆ ที่เข้ามาทำให้เราป่วย ซึ่งอาการป่วยที่เกิดจากการติดเชื้อทางเดินหายใจนั้นก็มีทั้งโรคที่รุนแรงและไม่รุนแรง แต่จะมีโรคอะไรบ้าง แต่ละโรคมีอาการอย่างไร เราจะป้องกันได้ด้วยวิธีไหน ลองมาดูกันค่ะ
- 7 โรคเกี่ยวกับระบบหายใจ ที่เราควรรู้ พร้อมแนะนำวิธีป้องกันตัวเอง
- หอบหืด
หอบหืด เป็นโรคเกี่ยวกับระบบหายใจที่เกิดจากการอักเสบเรื้อรังของเยื่อบุหลอดลมรวมถึงการที่หลอดลมมีความไวต่อสิ่งกระตุ้นต่างๆ เมื่อสัมผัสสิ่งกระตุ้น หลอดลมจะเกิดอาการหดเกร็ง ผนังหลอดลมบวมหนาขึ้น เกิดการสร้างสารคัดหลั่งเสมหะมากขึ้น ผู้ที่ป่วยเป็นหอบหืดจึงเกิดอาการหายใจลำบาก เหนื่อยหอบ ประสิทธฺภาพการทำงานของปอดลดลง หากใครเกิดอาการรุนแรงอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ แต่ในรายที่อาการไม่รุนแรง หอบหืดก็จะส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น หายใจไม่อิ่ม เหนื่อยหอบ จนไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันตามปกติได้
ปัจจุบันยังไม่มีวิธีป้องกันโรคหอบหืด แต่สามารถควบคุมและป้องกันการเกิดอาการของโรคได้ ทำได้โดยการค้นหาปัจจัยกระตุ้นหอบหืดและทำการเลี่ยงปัจจัยต่างๆ เหล่านั้น เช่น ไรฝุ่น สภาพอากาศ หรือสารก่อภูมิแพ้ เป็นต้น นอกจากนี้เรายังสามารถดูแลตัวเองเพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันการเกิดหอบหืดได้โดยการออกกำลังกาย ควบคุมน้ำหนัก นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รวมถึงทำจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใสและไม่เครียดค่ะ
เกร็ดสุขภาพ : เรามักเห็นว่าคนที่เป็นหอบหืดต้องพกยาพ่นติดตัวตลอดเวลาใช่ไหมหล่ะคะ ยาพ่นก็คือยาที่ช่วยบรรเทาอาการหอบหืดที่สามารถฉีดพ่นเข้าไปในทางเดินหายใจได้โดยตรง จึงทำให้ตัวยาออกฤทธิ์ได้เร็ว ช่วยบรรเทาอาการหอบหืดที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที ผู้ป่วยสามารถใช้ได้บ่อยอย่างปลอดภัย แต่จะเลือกใช้ยาตัวไหนและใช้งานผ่านเครื่องพ่นแบบใดต้องปรึกษาแพทย์เพื่อความมั่นใจจะดีที่สุดนะคะ
- หลอดลมอักเสบ
โรคหลอดลมอักเสบ เป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบของเยื่อบุผิวภายในหลอดลมจนทำให้ต่อม Mucous gland หรือต่อมเมือกมีภาวะบวมขึ้นจนหลั่งเมือกออกมามากผิดปกติจนไปอุดกั้นให้ทางเดินหลอดลมแคบลง ส่งผลให้เกิดอาการไอ มีเสมหะ ร่วมกับอาการเหนื่อยหอบและมีไข้ต่ำ หากใครเกิดภาวะติดเชื้อทางเดินหายใจร่วมด้วยก็อาจทำให้มีเสมหะเหนียวข้น เป็นสีเขียวหรือเหลือง ร่วมกับอาการมีไข้สูงด้วย
วิธีป้องกันโรคหลอดลมอักเสบก็คือต้องพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำอุ่นเป็นประจำ รวมถึงเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดความระคายเคืองในหลอดลมอย่างการสูบบุหรี่ ควันบุหรี่ อากาศเย็นและแห้ง ไปจนถึงสารเคมีต่างๆ นอกจากนี้ควรเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่อย่างน้อยปีละ 1 ครั้งด้วย
- ปอดอักเสบ
โรคปอดอักเสบหรือปอดบวมนั้นแม้จะเกิดจากการติดเชื้อทางเดินหายใจเหมือนกันแต่ก็มีความแตกต่างกับโรคหลอดลมอักเสบนะคะ โดยโรคนี้เกิดจากการติดเชื้อไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรียจนทำให้ถุงลมปอดเกิดอาการอักเสบ บวม และมีน้ำหนอง ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง หายใจลำบาก เหนื่อยหอบ หากผู้ป่วยรายไหนเกิดอาการรุนแรงอาจส่งผลให้เสียชีวิตได้
การป้องกันและรักษาก็คือการกินยาฆ่าเชื้อที่เหมาะสมกับระดับความรุนแรงของอาการป่วย หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่แออัด อากาศไม่ถ่ายเท รวมถึงไม่ไปคลุกคลีกับผู้ป่วยโรคนี้ด้วย ส่วนปัจจุบันเรามีวัคซีนป้องกันปอดอักเสบแล้วค่ะ นั่นคือวัคซีนสำหรับป้องกันไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลที่มีส่วนช่วยป้องกันโรคไอพีดี (Invasive Pneumococcal Disease) และป้องกันและลดความรุนแรงจากการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอกคัส (Streptococcus Pneumoniae) สามารถฉีดได้ตั้งแต่เด็กทารกอายุ 6 เดือนขึ้นไปจนถึงวัยผู้ใหญ่และวัยชราเลยนะคะ
- คออักเสบ
คออักเสบเป็นอีกหนึ่งโรคเกี่ยวกับระบบหายใจที่มีความแตกต่างจากหลอดลมและปอดอักเสบ เกิดจากการอักเสบของเยื่อบุภายในคอ เมื่อเกิดอาการผู้ป่วยจะเจ็บคอ กลืนอาหารลำบาก ส่วนใหญ่แล้วอาการจะไม่รุนแรงและสามารถหายเองได้ภายใน 2 – 3 วัน แต่หากมีการติดเชื้อร่วมด้วยแล้วหล่ะก็อาจทำให้เกิดอาการป่วยนานขึ้น วิธีป้องกันก็คือหลีกเลี่ยงผู้ป่วยที่เป็นหวัดหรือคออักเสบ ลดการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย ออกกำลังกายเป็นประจำ รวมถึงหมั่นรักษาความสะอาดด้านสุขอนามัยส่วนตัวด้วย
เกร็ดสุขภาพ : การดูแลตัวเองให้แข็งแรงคือหนึ่งในวิธีป้องกันการเกิดโรคที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการกินอาหารที่มีประโยชน์อย่างผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ต่างๆ ที่อุดมไปด้วยโปรตีน กรดอะมิโน เกลือแร่ และ omega 3 คืออีกทางที่ช่วยให้ภูมิคุ้มกันของเราแข็งแรง นอกจากนี้อย่าลืมออกกำลังกายเป็นประจำและนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เท่านี้ก็เป็นการช่วยให้ภูมิคุ้มกันของเราแข็งแรง พร้อมรับมือกับโรคต่างๆ แล้วค่ะ
- โรคนอนกรน
หลายคนอาจสงสัยว่าการนอนกรนเป้นโรคเกี่ยวกับระบบหายใจด้วยหรือ คำตอบก็คือใช่ค่ะ การนอนกรนเกิดจากระบบทางเดินหายใจส่วนบนของเราเกิดภาวะตีบแคบจากการที่กล้ามเนื้อในช่องปากหย่อนมาปิดกั้นทางเดินหายใจ ทำให้ลมหายใจไม่สามารถผ่านไปยังหลอดลมและปอดได้ตามปกติ ร่างกายจึงรับออกซิเจนได้ไม่เพียงพอ หากรายไหนเกิดอาการรุนแรงอาจเป็นที่มาของอาการหยุดหายใจขณะนอนหลับได้เลยทีเดียว ส่วนในรายที่เกิดอาการแบบปกติทั่วไปก็จะส่งผลทั้งต่อร่างกายและจิตใจ ทำให้อ่อนเพลีย นอนไม่พอ เสียสุขภาพจิต และสมาธิลดลง
วิธีป้องกันการนอนกรนก็คือการลดหรือควบคุมน้ำหนัก นอกจากนี้ผู้ป่วยยังสามารถใช้เครื่องช่วยหายใจเพิ่มแรงดันบวกหรือเครื่อง CPAP ระหว่างหลับได้ ส่วนใครที่อาการกรนเกิดจากปัญหาโครงสร้างภายในช่องปากควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการศัลยกรรม เช่น การผ่าตัดกราม เพื่อแก้ปัญหาอย่างตรงจุดที่สุด
- ไข้หวัดใหญ่
โรคไข้หวัดใหญ่เป็นโรคติดต่อที่ระบาดเป็นระยะๆ ไม่ใช่โรคที่เกิดขึ้นตลอดเวลา สาเหตุมาจากการติดเชื้อที่ชื่อว่าไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza Virus) หรือไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่พบได้บ่อยช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง ปวดตามเนื้อตัว ปอดอักเสบ ร่วมกับอาการติดเชื้อจนเกิดภาวะแทรกซ้อนในบางราย
การป้องกันไข้หวัดใหญ่นั้นทำได้โดยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ตัวเองโดยการดูแลร่างกายให้แข็งแรง ดื่มน้ำมากๆ นอนหลับพักผ่อน และการออกกำลังกาย รวมถึงลดการไปอยู่ในที่สาธารณะ ลดการสัมผัสกับผู้ป่วยหรือผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง นอกจากนี้หากต้องเดินทางไปที่แออัดก็ควรสวมหน้ากากอนามัยเป็นประจำด้วย
- โรคหวัด
เมื่อกล่าวถึงโรคเกี่ยวกับระบบหายใจแล้วจะขาดโรคหวัดไปก็คงไม่ได้ โรคหวัดหรือไข้หวัดเป็นโรคที่พบได้บ่อยมากที่สุดโรคหนึ่ง เกิดจากการติดเชื้อไวรัสหลากหลายสายพันธุ์ พบบ่อยในช่วงมีอากาศเปลี่ยนแปลง อาการที่เกิดขึ้นมักมีไข้ร่วมกับอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล และมีเสมหะ ส่วนใหญ่อาการจะไม่รุนแรงและหายเองได้ภายใน 2 – 3 วัน แต่หากเกิดภาวะแทรกซ้อน มีไข้สูง หรือมีอาการผิดปกติอื่นๆ ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที
วิธีป้องกันหวัดก็คือไม่ใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้ป่วย หมั่นออกกำลังกายและกินอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารที่มีวิตามินซีสูงอย่างประโยชน์บล็อกโคลี่ก็ช่วยต้านหวัดได้ และที่สำคัญอย่าลืมนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอด้วย
โรคเกี่ยวกับระบบหายใจเป็นโรคที่มีกาสเกิดขึ้นได้ง่าย ดังนั้นเราจึงต้องป้องกันตัวเองด้วยการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ไม่ไปใกล้ชิดกับผู้ป่วย นอกจากนี้หากต้องไปอยู่ในสถานที่แออัด อากาศไม่ถ่ายเท ก็ควรป้องกันตัวด้วยการสวมหน้ากากอนามัย ก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคได้ค่ะ
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : bumrungrad.com, bangkokhospital.com
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ