“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
ธรรมชาติบำบัด คือ อะไร ? ดียังไง ทำไมธรรมชาติถึงช่วยเยียวยาความเจ็บป่วยของเราได้ !
เมื่อป่วยไข้ไม่สบาย หากเป็นการเจ็บป่วยทางกายก็จะต้องทำการดูแลรักษาไปตามคำแนะนำของแพทย์ อย่างการกินยาหรือทำการรักษาในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้อาการดีขึ้น แต่ถ้าเป็นความเจ็บป่วยทางใจ นอกจากจะต้องพบจิตแพทย์ นักจิตวิทยา หรือนักจิตบำบัดเพื่อทำการรักษาในทางสุขภาพจิตโดยเฉพาะแล้ว ยังมีสิ่งที่เรียกว่า ธรรมชาติบำบัด หรือ Nature Therapy (เรียกอีกอย่างว่า Ecotherapy) ที่เป็นการบำบัดอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งจะช่วยในเรื่องสุภาพใจของเราโดยเฉพาะ ธรรมชาติบำบัด คือ อะไร ? ทำได้อย่างไร มีกี่ประเภท และดีต่อสุขภาพใจของเราอย่างไรบ้าง ไปเจาะลึกกันเลยค่ะ
ธรรมชาติบำบัด คือ อะไร ? มารู้จักให้มากขึ้นกัน !
ธรรมชาติบำบัด (Nature Therapy) หรือ นิเวศบำบัด ( Ecotherapy) มาจากแนวคิดที่ว่า การใช้ธรรมชาติเป็นตัวช่วยบำบัดจิตใจของเรา อันจะช่วยให้เราผ่อนคลายมากขึ้นและมีความเครียดลดลง ซึ่งลดโอกาสในการเกิดโรคทางสุขภาพจิตต่างๆ อีกด้วย ปัจจุบันผู้คนออกไปทำกิจกรรมที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติน้อยลง เพราะส่วนใหญ่ต่างใช้เวลาอยู่กับอุปกรณ์เทคโนโลยีหรือเอาแต่จ้องหน้าจอมือถือ ซึ่งการเสพโซเชียลออนไลน์นั้น บางครั้งก็สร้างความเครียดและความกดดันทางอ้อมให้เราได้เช่นกัน ลองนึกถึงช่วงเวลาที่เราเป็นเด็กแล้วได้เล่นสนุกนอกบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการเล่นน้ำ ปั่นจักรยาน หรือเล่นสนุกกลางแจ้ง ซึ่งทำให้เราเพลิดเพลินและผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ มีแนวคิดที่เรียกว่า “Green and Blue Therapy” หรือบางคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า green care, green exercise, green therapy กันมาบ้าง ซึ่งหมายถึงการทำกิจกรรมที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติที่เป็นพื้นที่สีเขียว ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติหรือการทำกิจกรรมในสวนสาธารณะก็ตาม เพราะการได้ใกล้ชิดกับพื้นที่สีเขียวนั้น ช่วยสร้างความผ่อนคลายให้กับมนุษย์ได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ธรรมชาติบำบัด คือการทำกิจกรรมที่ได้ใช้เวลาอยู่กับน้ำด้วยเช่นกัน ซึ่งเรียกว่า “ฺBlue Therapy” อย่างการไปเที่ยวทะเล การว่ายน้ำในทะเลสาบ หรือแม้แต่อยู่ใกล้แหล่งน้ำลำคลองอย่างแม่น้ำหรือลำธาร ก็มีผลในการช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจของเราได้ ทำให้เรารู้สึกสงบและผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อภาวะสุขภาพจิตของเราด้วย
เกร็ดสุขภาพ : นิเวศบำบัดหรือธรรมชาติบำบัด คือการรักษาบำบัดคนละชนิดกับธรรมชาติบำบัดในวิถีแพทย์ทางเลือกที่เรียกว่า Naturopathy ซึ่งเป็นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมที่เน้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นหลัก เช่น การตื่นนอนตามนาฬิกาชีวิต การกินอาหารที่มีประโยชน์ การทำดีท็อกซ์ การนวด การรักษาด้วยการฝังเข็ม การใช้สมุนไพร การฝึกสมาธิโดยการเล่นโยคะ ชี่กง เป็นต้น ซึ่งแตกต่างจาก Nature Therapy ที่จะเป็นการทำกิจกรรมที่ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ เพื่อการบำบัดด้านจิตใจเป็นหลัก
ประเภทกิจกรรมของธรรมชาติบำบัด มีอะไรบ้าง ?
เนื่องจากกิจกรรมของการทำธรรมชาติบำบัดนั้นมีหลากหลายมาก และมีกิจกรรมหลากหลายรูปแบบแตกต่างกันไป สามารถยกตัวอย่างได้ดังนี้
- Forest therapy : ธรรมชาติบำบัด คือการทำกิจกรรมที่ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติอย่างการเดินป่า หรือรู้จักกันดีในกิจกรรมที่เรียกว่า “การอาบป่า” ซึ่งเป็นการฝึกสติและฝึกประสาทสัมผัสทั้งห้าของตัวเองขณะเดินป่า
- Adventure therapy : การทำกิจกรรมบำบัดด้วยการออกไปผจญภัยหรือทำกิจกรรม Extreme สำรวจธรรมชาติต่างๆ เช่นการล่องแพ การปีนหน้าผา เป็นต้น
- Wilderness Therapy : เป็นกิจกรรมบำบัดด้วยการตั้งแคมป์ เดินป่า ซึ่งช่วยเสริมสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ และช่วยเพิ่มทักษะการเอาชีวิตรอด เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจในตัวเอง พัฒนาการทำงานเป็นทีม เป็นต้น
- Animal-assisted interventions or therapy : หนึ่งในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติบำบัด คือการบำบัดโดยใช้สัตว์เป็นตัวช่วย ไม่ว่าจะเป็นการใช้เวลากับสัตว์ อย่างอาชาบำบัด หรือการให้อาหารสัตว์ในฟาร์ม ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างในเรื่องของทักษะอารมณ์ได้เป็นอย่างดี
- Arts and crafts : เป็นการทำงานฝีมือโดยใช้วัสดุจากธรรมชาติ เช่น ใบหญ้า ใบไม้ การปั้นดิน แกะสลักไม้ รวมถึงการสร้างผลงานศิลปะที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติด้วยเช่นกัน อาทิ การวาดรูปทิวทัศน์ธรรมชาติ หรือการนั่งวาดรูปในสวนสาธารณะที่เป็นพื้นที่สีเขียว เป็นต้น
- Dark Nature : การทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับธรรมชาติในช่วงเวลากลางคืน เช่น การดูดาว การไปเที่ยว Night Safari เป็นต้น
- Green Exercise : การออกกำลังกายท่ามกลางบรรยากาศสภาพแวดล้อมที่เป็นพื้นที่สีเขียว เช่น การเดินเทรล การวิ่งเทรล การปั่นจักรยานขึ้นเขา เป็นต้น
- Therapeutic farming : เป็นการทำกิจกรรมในฟาร์ม ไม่ว่าจะเป็นการปลูกพืชผล การเลี้ยงสัตว์หรือการดูแลสัตว์ในฟาร์ม
- Therapeutic horticulture : หรือพืชสวนบำบัด เป็นการทำสวนที่สร้างความผ่อนคลายแล้วก็สร้างความเพลิดเพลินได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการปลูกพืชผักสวนครัว การปลูกดอกไม้ที่สวนหน้าบ้าน หรือการจัดสวนด้วยตัวเองก็ได้เช่นกัน
ประโยชน์ของการทำกิจกรรมธรรมชาติบำบัด คืออะไร ?
จะเห็นได้ว่า ธรรมชาติบำบัดหรือนิเวศบำบัด เป็นการทำกิจกรรมต่างๆ ที่ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แล้วการทำกิจกรรมเช่นนั้นส่งผลดีต่อเราในแง่สุขภาพอย่างไร ? มีการศึกษาพบว่า การได้ใช้เวลาอยู่กับธรรมชาตินั้น ช่วยให้เรามีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น ทั้งยังเป็นการบำบัดรักษาที่ค่าใช้จ่ายต่ำกว่าการรักษาในทางการแพทย์อย่างมาก และส่งผลให้เรามีสุขภาพใจที่ดีขึ้นโดยรวม มาดูข้อดีของการทำกิจกรรมธรรมชาติบำบัดกันเลยค่ะ
1. เพิ่มพูนความสุขให้กับเรา
ธรรมชาติบำบัด คือสิ่งที่ช่วยเพิ่มความสุขให้กับเราได้ การศึกษาทางวิทยาศาสตร์พบว่า การได้ใช้เวลาอยู่กับธรรมชาตินั้น ช่วยให้คนเรามีความสุขมากขึ้น และผู้คนที่อยู่ในเมืองที่ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ก็มีแนวโน้มว่าจะมีความสุขมากขึ้นด้วย งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในนิตยสาร Science Advances Bratman รายงานว่า การได้สัมผัสกับธรรมชาตินั้นสามารถเพิ่มพูนความสุข ความผาสุขในชีวิต รวมถึงการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมที่ดีด้วย
2. ช่วยลดความวิตกกังวล ความเครียด และภาวะซึมเศร้า
มีการศึกษาพบว่า สภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติหรือการได้ใกล้ชิดกับธรมชาตินั้น ช่วยลดความทุกข์ทางจิตใจได้อย่างชัดเจน การใช้เวลาเพียง 10 นาทีในสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ เช่น เดินเล่นในสวน หรือนั่งเล่นในสวนสาธารณะ ช่วยส่งเสริมในเรื่องสุขภาพจิตได้ กล่าวคือ การอยู่กับธรรมชาติช่วยผ่อนคลายความเครียด ช่วยลดความวิตกกังวล และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะซึมเศร้าได้ด้วย
3. ดีต่อสมองของเรา
ธรรมชาติบำบัด คือกิจกรรมที่ส่งผลดีต่อสุขภาพสมองของเรา เมื่อเราได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ นอกจากจะรู้สึกมีความสุขมากขึ้นแล้ว ยังช่วยให้เรามีสมาธิดีขึ้นด้วย และยังช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพด้านความจำ ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ช่วยให้เรามีมุมมองใหม่ๆ ต่อสิ่งต่างๆ มากขึ้น และยังทำให้เราสามารถโฟกัสกับสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้นด้วย
4. ช่วยเพิ่มระดับคุณภาพชีวิต
การออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งหรือออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านนั้น ช่วยให้รู้สึกสนุกสนาน มีความสุข รู้สึกผ่อนคลาย และยังมีการศึกษาชี้ให้เห็นว่า การใช้เวลาอยู่กับธรรมชาตินั้น เชื่อมโยงกับความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและมีความพึงพอใจในชีวิตมากขึ้น
นอกจากนี้ การทำกิจกรรมธรรมชาติบำบัด ยังช่วยรักษาโรคและความเจ็บป่วยอีกหลายประการ เช่น โรคสมาธิสั้น โรค PTSD ภาวะสมองเสื่อม ช่วยลดความเจ็บปวด ช่วยในการฟื้นฟูอาการเจ็บป่วยต่างๆ และช่วยปรับปรุงด้านอารมณ์ เป็นต้น
เกร็ดสุขภาพ : ได้มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบของธรรมชาติที่มีต่อสุขภาพของมนุษย์มาตั้งแต่ปี 1970 และได้พบว่า สิ่งแวดล้อมธรรมชาตินั้นส่งผลต่อความรู้สึกเชิงบวกของมนุษย์เรา เช่น ความสุข ความสบายใจ ความสงบ และตั้งแต่นั้นมา ก็ได้มีการศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างธรรมชาติกับสุขภาพจิตเพิ่มมากขึ้น และพบว่า ธรรมชาติส่งผลดีต่อสุขภาพจิตของมนุษย์อย่างชัดเจน
เคล็ดลับการประยุกต์ใช้ธรรมชาติบำบัดให้เข้ากับชีวิตประจำวัน
แน่นอนว่าทุกคนก็อยากจะออกไปเที่ยว ไปสัมผัสกับธรรมชาติ ไปผ่อนคลายความเครียดในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะทำได้ โดยเฉพาะคนที่ทำงานอยู่ในเมืองหลวงหรือไม่ค่อยมีเวลาออกไปข้างนอกเท่าไหร่นัก อย่างไรก็ตาม เราสามารถนำเอาแนวคิดธรรมชาติบำบัดมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันของเราได้ ดังนี้
- เพิ่มพื้นที่สีเขียวในบ้านให้มากขึ้น ลองหาซื้อต้นไม้มาประดับตกแต่งบ้าน ไม่ว่าจะเอาไปวางบนโต๊ะอาหาร มุมห้อง ระเบียงคอนโดฯ และโต๊ะทำงาน การมองสีเขียวเป็นการพักสายตาได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ต้นไม้ในบ้านยังช่วยฟอกอากาศให้สะอาดมากขึ้น และยังช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นขณะอยู่ท่ามกลางสีเขียวในบ้านด้วย
- ตกแต่งบ้านหรือที่พักด้วยภาพวาดทิวทัศน์ธรรมชาติ เช่น ภาพป่าไม้ ภาพน้ำตก ทะเล หรือภาพที่สื่อถึงธรรมชาติต่างๆ มีการศึกษาพบว่า การมองฉากสีเขียวหรือการมองภาพวาดธรรมชาติที่สวยงาม จะช่วยให้เราผ่อนคลายมากขึ้นและมีระดับความเครียดลดลง
- ฟังเสียงธรรมชาติเพื่อสร้างความผ่อนคลาย เช่น เพลย์ลิสต์เสียงน้ำตก เสียงคลื่น เสียงฝนตก เสียงนกร้อง หรือเสียงในป่า เป็นต้น ซึ่งจะช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นและยังช่วยส่งเสริมสมาธิ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของสมองอีกด้วย
กิจกรรมธรรมชาติบำบัด เป็นการบำบัดอย่างหนึ่งที่ส่งผลต่อสุขภาพจิตโดยตรง โดยส่วนใหญ่แล้ว นักจิตบำบัดอาจแนะนำการทำกิจกรรมธรรมชาติบำบัดต่างๆ ที่เหมาะสมกับผู้ป่วยในแต่ละราย เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ แม้แต่บุคคลทั่วไปก็สามารถนำเอากิจกรรมธรรมชาติบำบัดต่างๆ มาปรับใช้กับตัวเองได้ เช่น เมื่อรู้สึกเครียดจากการทำงานก็ออกไปเดินเล่นในสวนดูบ้าง หรือไปออกกำลังกายในสวนสาธารณะ จะจัดทริปไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติในวันหยุดสุดสัปดาห์ก็ได้เช่นกัน เพราะทำให้เรามีความสุขเพิ่มมากขึ้น และมีสุขภาพจิตดีขึ้นได้อย่างแน่นอนค่ะ
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : everydayhealth.com, verywellmind.com, webmd.com
Featured Image Credit : freepik.com/partystock
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ