“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
รวม สมุนไพรวัยทอง บำรุงร่างกายได้ ทั้งผู้หญิง – ผู้ชาย !
เมื่อผ่านวัยผู้ใหญ่มาแล้ว ก็ถึงคราวที่จะต้องก้าวเข้าสู่ช่วงวัยทอง วัยทอง คือช่วงวัยก่อนที่จะก้าวเข้าสู่วัยสูงอายุ ซึ่งการก้าวเข้าสู่วัยทองนั้น ก็ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านร่างกายและทางด้านจิตใจ เนื่องจากเกิดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศ ทั้งในเพศชายและผู้หญิง และสำหรับผู้ที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยทองนั้น ควรมีวิธีการดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง ? นอกจากเรื่องอาหารการกิน และการดูแลสุขภาพในเบื้องต้นแล้ว ก็ยังมี สมุนไพรวัยทอง ที่จะช่วยบำรุงร่างกายให้คนวัยทองมีสุขภาพแข็งแรงได้ ทั้งเพศหญิงและเพศชาย แล้วสมุนไพรสำหรับคนวัยทอง จะมีอะไรบ้าง และจะช่วยบำรุงร่างกายได้อย่างไร ไปอ่านกันค่ะ
วัยทอง คืออะไร ? พร้อมแนะนำ สมุนไพรวัยทอง เพื่อบำรุงร่างกาย
ก่อนที่จะพูดถึงสมุนไพรที่ใช้บำรุงร่างกายสำหรับคนวัยทอง เรามาดูกันก่อนว่า วัยทอง คืออะไร ? วัยทอง คือช่วงวัยที่อยู่ระหว่างวัยเจริญพันธ์ุและวัยสูงอายุ โดยเป็นช่วงอายุที่ร่างกายสามารถผลิตฮอร์โมนเพศได้น้อยลงจนทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ทำให้มีการแสดงอาการต่างๆ ทั้งทางกายภาพและทางด้านอารมณ์ ในเพศหญิง จะเข้าสู่วัยทองเมื่ออายุประมาณ 40 – 59 ปี โดยระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) จะลดลง เนื่องจากรังไข่หยุดทำงาน ทำให้เข้าสู่ภาวะหมดประจำเดือน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายนั้น ก็จะมีอาการร้อนวูบวาบ มึนศีรษะ อ่อนเพลีย อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิด วิตกกังวลง่าย นอนไม่หลับ ช่องคลอดแห้งเนื่องจากระดับเอสโตรเจนที่ลดลง และยังมีผิวหนังเหี่ยวแห้งขาดความยืดหยุ่น มีกระเพิ่มมากขึ้นตามผิวหนัง รวมถึง เริ่มมีภาวะกระดูกพรุนและมีผมร่วงร่วมด้วย
สำหรับเพศชาย ช่วงอายุที่ก้าวเข้าสู่วัยทองก็คือช่วงอายุประมาณ 45 – 59 ปีเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยทอง ฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgen) และเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ที่เป็นฮอร์โมนเพศชายก็จะลดลงเช่นกัน ซึ่งจะทำให้มีอาการคล้ายกับอาการวัยทองในเพศหญิง คือ มีอาการอ่อนเพลีย เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว นอนไม่ค่อยหลับ กำลังวังชาลดลง มวลกระดูกและมวลกล้ามเนื้อลดลง ไม่กระฉับกระเฉง รู้สึกเบื่อหน่าย เครียดและหงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวน ขาดสมาธิ รวมถึงสมรรถภาพทางเพศและความต้องการทางเพศลดลงด้วย และด้วยอาการวัยทองที่เกิดขึ้น ในบางคนจึงต้องการหาสมุนไพรมาบำรุงร่างกายให้ยังคงแข็งแรงและกระปรี้กระเปร่า และช่วยลดอาการผิดปกติของร่างกายที่เกิดขึ้นได้ มาดูกันว่า สมุนไพรวัยทอง ผู้ชายและผู้หญิงนั้น จะมีอะไรบ้าง เพื่อที่จะได้ใช้สำหรับบำรุงฟื้นฟูร่างกายของตัวเองค่ะ
ชวนรู้จักสมุนไพรวัยทอง สำหรับบำรุงร่างกายคนวัยทอง มีอะไรบ้าง ?
สมุนไพรต่างๆ นั้นมีสรรพคุณอย่างหลากหลาย และสมุนไพรบางชนิดก็มีฤทธิ์บำรุงร่างกายให้กับผู้ที่กำลังเข้าสู่วัยทองให้มีร่างกายแข็งแรงมากขึ้น หรือช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกายได้ มาดูกันว่า สมุนไพรวัยทอง ผู้ชาย และผู้หญิง จะมีอะไรบ้าง เพื่อที่จะได้เป็นตัวเลือกในการดูแลสุขภาพกันค่ะ
สมุนไพวัยทอง สำหรับผู้ชาย
1. กระชายดำ
กระชายดำ เป็นสมุนไพรวัยทอง ผู้ชายสามารถรับประทานได้ หากต้องการช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ เพราะสารสกัดเอทานอลจากกระชายดำมีฤทธิ์ทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น และช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศได้ ทั้งนี้ ในกระชายดำยังมีสารฟลาโวนอยด์สูง มีคุณสมบัติช่วยต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมองได้ด้วย อย่างไรก็ตาม ไม่ควรกินกระชายดำติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะทำให้ตับเกิดความผิดปกติได้
2. มะเขือเทศ
มะเขือเทศ สามารถจัดเป็นอาหารและสมุนไพรวัยทอง ที่ผู้ชายในวัยทองควรรับประทาน เพราะมะเขือเทศมีไลโคปีนสูง มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย และที่สำคัญคือ ช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคเส้นเลือดในสมองตีบ และยังช่วยให้ผิวพรรณมีสุขภาพดี ไม้แห้งกร้านอีกด้วย
เกร็ดสุขภาพ : เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยทอง ฮอร์โมนเพศชายที่เรียกว่าเทสโทสเทอโรน (Testosterone) จะเปลี่ยนเป็นไดไฮโดรเทสโทสเทอโรน (Dihydrotestosterone) ทำให้เกิดภาวะต่อมลูกหมากโต และมีภาวะผมร่วงร่วมด้วย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทั้งสองอย่างนี้ มักพบได้บ่อยในผู้ชายวัยทอง หากมีภาวะต่อมลูกหมากโต จะมีอาการคือ ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะไม่ไหลแรง ปัสสาวะไหลๆ หยุดๆ ปัสสาวะแล้วรู้สึกไม่สุด ซึ่งทำให้รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน และต้องไปปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาต่อไป กากไม่รีบรักษาอาจมีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ปัสสาวะเป็นเลือด แลัอาจมีอาการไตเสื่อม ไตวายได้
3. ปาล์มใบเลื่อย
สารสกัดจากปาล์มใบเลื่อย หรือ Saw Palmetto มีสรรพคุณช่วยลดอาการต่อมลูกหมากโตและอาการต่อมลูกหมากอักเสบ อีกทั้งช่วยบำรุงฮอร์โมนเพศชาย เนื่องจากสารสกัดที่ได้จากผลปาล์มแห้งมีสารประกอบที่ออกฤทธิ์เหมือนฮอร์โมนเพศชาย จึงช่วยรักษาระดับฮอร์โมนเพศในร่างกายให้สมดุล และยังมีสรรพคุณช่วยลดอาการผมขาดหลุดร่วงที่จะเกิดขึ้นในเพศชายเมื่อก้าวเข้าสู่วัยทองอีกด้วย
4. เมล็ดแตงโม
เมล็ดแตงโม มีแร่ธาตุสังกะสีสูง ซึ่งสังกะสี มีส่วนช่วยในการผลิตฮอร์โมนเพศชายทั้งนี้ ฮอร์โมนเพศชายนั้น ส่งผลกับคุณผู้ชายในหลายๆ ด้าน ทั้งในเรื่องของการนอนหลับ เรื่องของอารมณ์ เรื่องของการสร้างกล้ามเนื้อ มวลกระดูก และการควบคุมน้ำตาลในเลือด ดังนั้น การกินเมล็ดแตงโมจะช่วยเพิ่มแร่ธาตุสังกะสี ซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญที่จะช่วยเสริมฮอร์โมนเพศชายได้
5. ตำลึง
ผักตำลึง สามารถใช้เป็นสมุนไพรวัยทอง สำหรับผู้ชายได้ เพราะมีแมกนีเซียมสูง ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญต่อร่างกาย ช่วยทำให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ไม่อ่อนเพลียเหนื่อยล้า อันเป็นอาการที่พบได้ในวัยทอง และแมกนีเซียมยังช่วยลดความเครียด ความวิตกกังวล ทำให้นอนหลับสบาย และยังช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน ช่วยทำให้หัวใจและหลอดเลือดแข็งแรงอีกด้วย
สมุนไพรวัยทอง สำหรับผู้หญิง
1. งา
ทั้งงาขาวและงาดำ มีสิ่งที่เรียกว่าไฟโตรเอสโตรเจน ซึ่งจะทำหน้าที่คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน เพื่อทดแทนฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ร่างกายผลิตได้น้อยลง อันเป็นสาเหตุทำให้ร่างกายไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ดีพอ ทำให้เกิดอาการร้อนวูลวาบ ดังนั้น การรับประทานงาเป็นประจำจะช่วยลดอาการเหล่านี้ได้ และในงาก็ยังมีสารไอโซฟลาโวนที่จะช่วยให้อาการร้อนวูบบายลดลงได้ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ งาดำยังมีแคลเซียมสูง ซึ่งจะช่วยบำรุงกระดูกให้แข็งแรง และลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคกระดูกพรุนได้
เกร็ดสุขภาพ : นอกจากงาที่มีไฟโตเอสโตรเจนและสารไอโซฟลาโวนสูงแล้ว ก็ยังมีอาหารชนิดอื่นๆ ที่มีสารอาหารเหล่านี้ในปริมาณสูงอยู่ด้วยเช่นกัน เช่น แครอท น้ำมะพร้าว และถั่วเหลือง โดยเฉพาะถั่วเหลืองที่เป็นแหล่งของสารไอโซฟลาโวนตามธรรมชาติ ซึ่งมีโครงสร้างและคุณสมบัติคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ร่างกายสร้างขึ้น ดังนั้น การกินถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ไม่ว่าจะเป็นเต้าหู้ น้ำเต้าหู้ นมถั่วเหลือง เต้าเจี้ยว และอื่นๆ ก็สามารถบำรุงร่างกายของผู้หญิงวัยทองได้ดีเช่นกัน
2. ขี้เหล็ก
ขี้เหล็ก จัดเป็นสมุนไพรวัยทอง ผู้หญิงควรกิน เพราะเป็นผักสมุนไพรที่มีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูง เหมาะกับผู้หญิงที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยทองเป็นอย่างมาก เพราะจะช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง และใบขี้เหล็กยังมีสรรพคุณช่วยให้หลับสบาย ลดอาการนอนไม่หลับในผู้หญิงวัยทอง ทั้งยังช่วยลดความดันโลหิตสูง และช่วยรักษาโรคเบาหวานด้วย ใครที่มีปัญหาเรื่องความดันเบาหวานซึ่งมาพร้อมกับอายุที่มากขึ้น การรับประทานใบขี้เหล็ก จะช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ได้ค่ะ
3. ตะไคร้
ตะไคร้ เป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเลือดลมให้ไหลเวียนได้ดี ทำให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่ามากขึ้น ลดอาการท้องอืด ท้องผูก ช่วยขับลม แก้ปวดเมื่อย ช่วยปรับสมดุลในร่างกาย และตะไคร้ยังมีสารที่เรียกว่า ยูจินอล (Eugenol) ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยต้านอนุมูลอิสระ และช่วยลดความเสื่อมของเซลล์ต่างๆ ในร่างกายอีกด้วย จึงจัดเป็นสมุนไพรวัยทอง ผู้หญิงรับประทานได้ เพราะมีสรรพคุณรอบด้าน จะรับประทานตะไคร้โดยการซอยแล้วเอาใส่ในยำประเภทต่างๆ หรือดื่มเป็นน้ำตะไคร้ ก็ได้เช่นกันค่ะ
4. ลูกเดือย
ลูกเดือย ก็ใช้เป็นสมุนไพรวัยทอง ผู้หญิงควรรับประทานได้เช่นกัน เพราะลูกเดือยมีทริปโตเฟนสูง ช่วยในเรื่องของการนอนหลับ ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย และลูกเดือยยังมีคุณค่าทางอาหารสูง เต็มไปด้วยเกลือแร่และวิตามินต่างๆ ทั้งวิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินอี แคลเซียม ฟอสฟอรัสที่ช่วยบำรุงกระดูก และยังช่วยแก้โรคเหน็บชา ช่วยบำรุงผิวพรรณด้วยค่ะ ลูกเดือย เมนูสามารถทำได้หลากหลาย ทั้งน้ำลูกเดือย โจ๊กลูกเดือย ลูกเดือยต้มน้ำตาล หรือจะเอาใส่ในสลัดก็ได้นะคะ
5. พลูคาว
พลูคาว หรือผักคาวตอง เป็นสมุนไพรวัยทองที่เหมาะสำหรับผู้หญิง เพราะมีสารฟลาโวนอยด์สูง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่งที่มีโครงสร้างโมเลกุลคล้ายกับฮอร์โมนเอสโตรเจน ทำให้ผิวพรรณเต่งตึง มีความชุ่มชื้น และด้วยความที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง จึงช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกาย ทั้งยังมีฤทธิ์ต้านมะเร็ง และยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งอีกด้วย นอกจากนี้ ยังช่วยลดระดับคอเรสเตอรอลในเลือด ช่วยลดความดันโลหิต และช่วยรักษาสมดุลของร่างกายได้เช่นกัน
วิธีดูแลตัวเองเมื่ออยู่ในช่วงวัยทอง รับมือกับวัยทองอย่างไร ให้ทั้งกายและใจเป็นสุข
นอกจากสมุนไพรที่ใช้บำรุงกำลังในช่วงวัยทอง ทั้งผู้หญิงและผู้ชายแล้ว ก็มีวิธีการดูแลตัวเองเพื่อรับมือกับการก้าวเข้าวัยทองด้วยกายและใจที่เตรียมพร้อม ดังนี้
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และรับประทานอาหารให้ครอบ 5 หมู่ อาจเลือกวิธีการรับประทานอาหารแบบ Balanced Diet คือ กินอาหารอย่างหลากหลายในปริมาณที่เพียงพอกับความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน และควรกินอาหารที่มีแคลเซียมสูง ไม่ว่าจะเป็นโยเกิร์ต นมเสริมแคลเซียมที่มีอยู่ตามท้องตลาดทั่วไป พืชตะกูลถั่ว เต้าหู้ ปลาตัวเล็กตัวน้อย เป็นต้น เพื่อป้องกันโรคกระดูกพรุนและเสริมสร้างมวลกระดูกให้มีความแข็งแรงอยู่เสมอ และควรควบคุมอาหารโดยการหลีกเลี่ยงการกินอาหารที่ย่อยยากอย่างเนื้อสัตว์ อาหารที่มีไขมันสูง เป็นต้น
- ออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 – 4 ครั้ง ครั้งละ 30 นาทีขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การวิ่งเหยาะๆ การเต้นรำ รำมวยจีน เต้นแอโรบิก ว่ายน้ำ เล่นโยคะ และอื่นๆ เพื่อให้ร่างกายมีการเผาผลาญพลังงาน ลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคอ้วนเนื่องจากเมื่ออายุมากขึ้นแล้ว ระบบการเผาผลาญพลังงานของร่างกายก็ทำงานได้น้อยลง การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอก็จะช่วยให้รักษาน้ำหนักให้คงที่ได้
- ฝึกควบคุมอารมณ์ เช่น ฝึกวิธีการหายใจที่ช่วยลดความโกรธ ฝึกการมองโลกในแง่ดีมากขึ้น หรือฝึกนั่งสมาธิเพื่อให้จิตใจสงบนิ่ง ไม่แปรปรวนได้ง่าย และทำให้ตัวเองอารมณ์ดี จิตใจแจ่มใสเบิกบานอยู่เสมอ
- ตรวจสุขภาพประจำปีอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และผู้ที่มีประกันสังคมมาตรา 33 และ 39 สามารถตรวจสุขภาพประจำปีได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในบางรายการ (อ่านเพิ่มเติม ตรวจสุขภาพ ประกันสังคม ตรวจอะไรบ้าง) เพื่อเป็นการตรวจเช็กการทำงานของร่างกายและสุขภาพโดยรวม
- หากมีอาการวัยทองรุนแรง อาจปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณารับฮอร์โมนทดแทนได้ตามความเหมาะสม ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์
วัยทอง เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับทุกคนเมื่อมีอายุมาถึงสี่สิบปลายๆ ถึงห้าสิบปีขึ้นไป และแต่ละคนนั้นก็อาจจะมีอาการวัยทองที่แตกต่างกันไป สำหรับบางคนแล้ว อาการวัยทองก็ส่งผลทั้งทางสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตใจ ดังนั้น การเตรียมตัวให้พร้อมเข้าสู่วัยทองจึงเป็นสิ่งสำคัญ ด้วยการดูแลสุขภาพของตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ และผู้ที่อยู่ในวัยทอง ก็ควรดูแลสุขภาพตัวเองทั้งด้านอาหารการกิน การออกกำลังกาย รวมถึงการรับประทานอาหารและสมุนไพรวัยทอง เพื่อเป็นการบำรุงร่างกาย และปรับความสมดุลของร่างกายให้ดีขึ้น ถ้าหากมีวิธีการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม วัยทอง ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลแต่อย่างใด
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : pharmacy.mahidol.ac.th, opsmoac.go.th, rajavithi.go.th, gj.mahidol.ac.th, healthline.com
Featured Image Credit : freepik.com
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ