“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
เช็กลิสต์ ! ฉีดวัคซีน ไปต่างประเทศ วัคซีนอะไรบ้างที่ต้องฉีดก่อนเดินทาง ?!
การเตรียมตัวเดินทางไปต่างประเทศ นอกจากการเตรียมตัวเรื่องการเดินทาง เรื่องที่พัก หรือตั๋วเครื่องบินต่างๆ แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่จะต้องเช็กให้ดีก่อนเดินทางคือ การ ฉีดวัคซีน ไปต่างประเทศ เพราะในบางประเทศนั้น มีการแพร่ระบาดของโรคต่างๆ หรือเป็นพื้นที่เสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดความเจ็บป่วยได้ หากไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกัน หรือในบางพื้นที่ ก็เป็นมาตรการบังคับว่าต้องฉีดวัคซีนชนิดนี้ไปก่อนเข้าพื้นที่ เช่น วัคซีนไข้เหลือง เป็นต้น ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ที่ผู้คนเริ่มเดินทางกันมากขึ้นแล้ว เรามาดูกันดีกว่าว่า วัคซีนที่ควรฉีดก่อนเดินทาง มีวัคซีนชนิดใดบ้าง ? จะได้เป็นการเตรียมตรัวเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางไปต่างประเทศอย่างครบถ้วน และเที่ยวได้อย่างสบายใจ ปลอดภัยจากโรคภัยไข้เจ็บ จะได้ไม่ป่วยกลางคัน และพาทำให้เที่ยวไม่สนุกได้นะคะ
ชวนเช็ก ! ฉีดวัคซีน ไปต่างประเทศ ต้องฉีดวัคซีนอะไรบ้าง ?
สำหรับการฉีดวัคซีนเพื่อเดินทางไปยังต่างประเทศนั้น ได้มีการกำหนดวัคซีนที่ควรฉีดไว้ 2 ประเภทหลักๆ คือ
1. วัคซีนที่จำเป็นต้องฉีดก่อนเดินทาง (Required Vaccine)
เป็นวัคซีนที่ถูกกำหนดเป็นกฎอนามัยระหว่างประเทศ (WHO IHR) ปัจจุบันมีเพียงชนิดเดียวคือ วัคซีนไข้เหลือง สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาดของไข้เหลือง ได้แก่ ประเทศในแถบแอฟริกา และอเมริกาใต้ ซึ่งจำเป็นจะต้องได้รับวัคซีนไข้เหลืองก่อนการเดินทางอย่างน้อย 10 วัน
2. ว้คซีนที่แนะนำสำหรับนักท่องเที่ยวตามความเหมาะสม (Reccommended Vaccine for Travelers)
วัคซีนกลุ่มนี้ เป็นวัคซีนที่แนะนำสำหรับผู้ที่จะเดินทางไปยังประเทศต่างๆ โดยแพทย์จะแนะนำให้ฉีดตามความเหมาะสม และพิจารณาจากปัจจัยหลายๆ อย่าง เช่น ประเทศที่ไปมีความเสี่ยงในการติดเชื้อมากน้อยขนาดไหน ระยะเวลาที่จะไป กิจกรรมที่จะไปทำ เช่น ไปทำงาน หรือไปท่องเที่ยวระยะเวลาสั้นๆ รวมถึงสุขภาพของบุคคลนั้นๆ ว่ามีความแข็งแรงไหม หรือเสี่ยงที่จะป่วยได้ง่ายเลยสมควรได้รับวัคซีน ซึ่งวัคซีนในกลุ่มนี้ ได้แก่
• วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ (Influenza Vaccine)
โดยปกติแล้ว กระทรวงสาธารณสุขจะแนะนำให้ประชาชนคนไทยฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี ปีละ 1 ครั้ง ซึ่งไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคที่สามารถพบได้ทุกประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะในแถบประเทศยุโรป และสามารถแพร่กระจายได้ง่าย ผู้ที่จะเดินทางไปต่างประเทศ และมีแนวโน้มว่าจะเข้าไปในที่ที่มีผู้คนจำนวนมาก เช่น พิธีแสวงบุญ ไปชมกีฬา หรือไปเที่ยวตามงานเทศกาลต่างๆ ควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ก่อนเดินทางค่ะ
เกร็ดสุขภาพ : วัคซีนไข้หวัดใหญ่ เป็นวัคซีนที่ควรฉีดทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย และสาเหตุที่ต้องฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปีก็เพราะว่า ไข้หวัดใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์อยู่ตลอด จึงต้องฉีดกระตุ้นภูมิคุ้มกันทุกปี ซึ่งในประเทศไทยแนะนำให้ฉีดวัคซีนก่อนช่วงฤดูฝน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก สตรีมีครรภ์ ผู้ที่มีโรคประจำตัว ผู้สูงอายุ รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข
• วัคซีนป้องกันโรคไทฟอยด์ (Typhoid Vaccine)
วัคซีนชนิดนี้ จะพิจารณาให้ฉีดหากจะต้องเดินทางไปยังประเทศอินเดีย เนปาล บังกลาเทศ ประเทศแอฟริกา อเมริกาใต้ และตะวันออกกลาง เพราะมีความเสี่ยงสูงในการติดโรคไทฟอยด์เนื่องจากอาหารและน้ำดื่มที่ไม่สะอาด โดยควรฉีดวัคซีน ไปต่างประเทศก่อนเดินทางประมาณ 1 เดือน
• วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า (Rabies Vaccine)
การฉีดวัคซีน ไปต่างประเทศ วัคซีนโรคพิษสุนัขบ้าก็เป็นวัคซีนอีกหนึ่งชนิดที่ควรฉีด ซึ่งสามารถฉีดป้องกันได้ก่อน ไม่จำเป็นที่จะต้องโดนสัตว์กัดหรือข่วนก่อนแล้วฉีดหลังสัมผัสกับโรค เนื่องจากการเดินทางไปพื้นที่ห่างไกลในประเทศอินเดีย ประเทศจีน หรือประประเทศที่กำลังพัฒนาอื่นๆ เมื่อถูกสัตว์กัดหรือช่วนแล้ว การจะหาวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าและ Immunoglobulin ฉีด อาจทำได้ยากมาก และถ้าหากไม่ได้รับการฉีดวัคซีนหลังจากถูกกัด ก็อาจมีอันตรายถึงชีวิต ดังนั้น จึงควรฉีดป้องกันไว้ก่อนค่ะ และจะต้องฉีดเป็นจำนวน 3 เข็มด้วยกัน สำหรับการป้องกันการติดเชื้อโรคนี้
• วัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบเอ (Hepatitis A Vaccine)
โรคไวรัสตับอักเสบ A สามารถแพร่ติดต่อกันได้จากการรับประทานอาหารร่วมกัน หรือดื่มน้ำที่มีการปนเปื้อนของเชื้อไวรัส ซึ่งแพทย์จะแนะนำให้ฉีดป้องกันก่อนสำหรับผู้ที่จะเดินทางไปยังประเทศกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง หรือมีสุขอนามัยที่ไม่ดี เช่น ประเทศแถบเอเชียใต้ และประเทศในแถบทวีบแอฟริกาและอเมริกาใต้ ซึ่งจะต้องฉีดทั้งหมด 2 เข็ม และห่างกัน 6 – 12 เดือน ดังนั้น จึงต้องวางแผนวันเวลาการเดินทางและการฉีกวัคซีนเอาไว้ตั้งแน่เนิ่นๆ ค่ะ
• วัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B Vaccine)
ไวรัสตับอักเสบ B มักติดต่อกันผ่านเลือด หรือสารคัดหลั่ง ซึ่งเป็นโรคที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อเรื้อรังและนำไปสู่โรคตับแข็งและมะเร็งตับได้ แนะนำให้ฉีดสำหรับผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น มีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า ใช้เข็มฉีดยา รวมถึงไปในประเทศที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค เช่น แอฟริกา เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตะวันออกกลาง ซึ่งจะต้องฉีดวัคซีนให้ครบทั้งหมด 3 ครั้ง ในระยะเวลา 6 เดือน
• วัคซีนป้องกันโรคอหิวาตกโรค (Cholera Vaccine)
วัคซีนตัวนี้ จะแนะนำเฉพาะผู้ที่ต้องเข้าไปในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของโรค หรือเสี่ยงต่อการบริโภคน้ำและอาหารที่ปนเปื้อนกับเชื้อโรค เช่น ทวีปแอฟริกา เอเชียใต้ และตะวันออกกลาง หรือผู้ที่ต้องเข้าไปทำงานในค่ายผู้อพยพลี้ภัย หรือเป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์เข้าไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ธุรกันดาร ปัจจุบันประเทศไทยมีวัคซีนป้องกันโรคอหิวาตกโรคชนิดรับประทาน โดยจะต้องรับประทาน 2 ครั้ง ห่างกันอย่างน้อย 1 สัปดาห์ และควรรับวัคซีนให้ครบก่อนออกเดินทางอย่างน้อย 2 สัปดาห์
• วัคซีนป้องกันโรคไข้สมองอักเสบ (Japanese Encephalitis Vaccine)
การฉีดวัคซีน ไปต่างประเทศในทวีปแถบเอเชียเอง ก็ต้องฉีดวัคซีนชนิดนี้ ซึ่งจะพบมากในปากีสถาน เกาหลีเหนือ และเกาะในแปซิฟิก เช่น ฟิจิ แต่ไม่พบในญี่ปุ่น ซึ่งแนะนำให้ฉีดวัคซีนโดยเฉพาะผู้ที่ต้องเดินทางไปอยู่หรือไปท่องเที่ยวเป็นระยะเวลานานกว่า 1 เดือน และควรฉีดก่อนเดินทาง 10 วัน
• วัคซีนป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่น (Meningococcal Vaccine)
สำหรับการฉีดวัคซีน ไปต่างประเทศชนิดนี้ เป็นวัคซีนที่ฉีดเฉพาะผู้ที่จะเดินทางไปยังประเทศแถบแอฟริกา หรือบริเวณที่เรียกว่า Meningitis belt ได้แก่ ประเทศซูดาน ไนจีเรีย เอธิโอเปีย รวมถึงนักเรียน นักศึกษาไทยที่จะไปเรียนต่อที่ประเทศแถบโซนยุโรปและอเมริกา ซึ่งมีข้อกำหนดไว้ว่าต้องฉีดวัคซีนชนิดนี้ก่อนเดินทาง และผู้ที่ต้องการเดินทางไปแสวงบุญที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย ก็มีข้อกำหนดไว้ว่า ผู้ที่เข้าไปแสวงบุญจะต้องได้รับวัคซีนไข้กาฬหลังแอ่นก่อนเดินทางเข้าประเทศเช่นกัน
เกร็ดสุขภาพ : โรคไข้กาฬหลังแอ่น มักจะพิจารณาฉีดให้กับกลุ่มนักเรียนนักศึกษาที่จะไปเรียนต่อในประเทศสหรัฐอเมริกา หรือบางประเทศในยุโรป หรือผู้ที่ไปแสวงบุญในกลุ่มประเทศเสี่ยงต่อการระบาด โดยเฉพาะผู้ที่คลุกคลีอยู่กับคนหมู่มาก หรืออยู่รวมๆ กัน เช่น นักศึกษาในหอพัก กลุ่มผู้แสวงบุญ เนื่องจากมีการแพร่ระบาดได้โดยง่าย ติดต่อทางละอองฝอยน้ำมูก น้ำลาย หรือสารคัดหลั่งต่างๆ จากการสัมผัสใกล้ชิด และถือว่าเป็นโรคร้ายแรงโรคหนึ่ง หากได้รับเชื้ออาจทำให้เกิดอาการเยื้อหุ้มสมองอักเสบ เชื้อแพร่กระจายในกระแสเลือด ถ้าหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันเวลา อาจทำให้เสียชีวิตได้
• วัคซีนโรค COVID – 19
หลังจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID – 19 จึงได้มีมาตรการให้ผู้ที่เดินทางออกนอกประเทศ ต้องฉีดวัคซีนอย่างน้อยครบ 2 โดส ซึ่งแต่ละประเทศที่จะเดินทางไปนั้น ก็ต้องตรวจสอบเงื่อนไขว่า ฉีดวัคซีนยี่ห้อใด หรือประเภทใดบ้างที่สามารถเดินทางเข้าประเทศนั้นๆ ได้ (อ่านเพิ่มเติม วัคซีนมีกี่ประเภท) โดยสามารถไปขอ Vaccine Passport หรือเอกสารยืนยันการฉีด Vaccine COCID – 19 ได้ตามแต่ละท้องที่ของจังหวัดนั้นๆ ค่ะ ซึ่งเอกสารที่ต้องเตรียมคือ บัตรประชาชนตัวจริง หนังสือเดินทางตัวจริง ใบรับรองการฉีดวัคซีน และเอกสารแสดงการเดินทาง (ตั๋วเครื่องบิน)
ฉีดวัคซีน ไปต่างประเทศ ใครบ้างที่สมควรฉีดเป็นพิเศษ ?
การไปประเทศต่างๆ ที่เราไม่คุ้นเคย ไม่ว่าจะด้วยเรื่องสภาพอากาศ สิ่งแวดล้อม อาหารการกิน ที่อาจส่งผลทำให้ร่างกายเกิดการติดเชื้อหรือเจ็บป่วยได้ จึงมีมาตรการและคำแนะนำสำหรับผู้ที่เดินทางไปยังประเทศต่างๆ เพื่อฉีดวัคซีนที่ควรฉีดสำหรับการไปประเทศนั้นๆ ทั้งนี้ มีคำแนะนำเกี่ยวกับกลุ่มคนที่เป็นกรณีพิเศษว่า สมควรที่จะได้รับการฉีดวัคซีน ไปต่างประเทศอย่างยิ่ง เพราะอาจเกิดความเจ็บป่วยได้ง่าย ซึ่งก็คือ กลุ่มคนต่อไปนี้
- ทารกและเด็ก แม้ทารกและเด็กๆ จะได้รับการฉีดวัคซีนต่างๆ ตามช่วงวัย แต่ถ้าต้องเดินทางไปในสถานที่ที่มีการแพร่ระบาดของโรค ก็ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการฉีดวัคซีนอื่นๆ เพิ่มเติมตามความเหมาะสมค่ะ
- ผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ไม่เคยได้รับวัคซีนต่างๆ มาก่อนตามช่วงวัย และร่างกายของผู้สูงอายุยังไม่แข็งแรงเหมือนกับคนวัยหนุ่มสาว ทำให้มีภูมิคุ้มกันต่ำ หากติดเชื้อไวรัสต่างๆ อาจมีอันตรายถึงชีวิต ควรฉีดวัคซีน ไปต่างประเทศต่างๆ ตามคำแนะนำของแพทย์
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ ซึ่งอาจเกิดอันตรายต่อลูกน้อยในครรภ์ได้หากมีการรับเชื้อชนิดต่างๆ เข้าสู่ร่างกาย ดังนั้น จึงควรฉีดวัคซีนที่ควรฉีดก่อนเดินทางไปต่างประเทศชนิดต่างๆ และมีการปรึกษาแพทย์ก่อนเดินทาง เพื่อที่จะได้เตรียมร่างกายให้พร้อมค่ะ
- ผู้ป่วยเรื้อรัง เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ผู้ป่วยโรคหัวใจ ผู้ป่วยโรคมะเร็ง ควรไปพบแพทย์ประจำตัวเพื่อปรึกษาและพิจารณาการฉีดวัคซีน ไปต่างประเทศทุกครั้งที่เดินทาง เพื่อเป็นการประเมินความแข็งแรงของร่างกายและความพร้อมในการเดินทาง จะได้เดินทางแบบไม่กังวลใจค่ะ
หากใครที่กำลังวางแผนจะไปท่องเที่ยวต่างประเทศ หรือไปทำกิจกรรมอื่นๆ เช่น ไปเรียน ไปทำงาน หรือไปอยู่ระยะยาว ก็ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเงื่อนไขการฉีดวัคซีนไปต่างประเทศ สำหรับการไปยังประเทศต่างๆ ด้วยว่า ควรฉีดวัคซีนอะไรบ้าง เพื่อสุขภาพของเราเอง และสามารถไปปรึกษาแพทย์ดูก่อนได้ จะได้ไม่ป่วยเป็นโรคติดต่อบางโรค ส่วนโรคติดต่อมีโรคอะไรบ้างที่สามารถป้องกันได้ ซึ่งก็คือวัคซีนนั่นเองค่ะ ทั้งนี้ แพทย์จะพิจารณาการฉีดวัคซีนชนิดต่างๆ ตามความเหมาะสม โดยดูจากประวัติสุขภาพ ข้อมูลสุขภาพ ผลตรวจร่างกาย ประเทศที่จะไป ระยะเวลาในการไปอยู่ กิจกรรมที่ทำ เป็นต้น หากมีการฉีดวัคซีนไปก่อน อย่างน้อยก็จะได้หายห่วงเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ และเที่ยวได้อย่างสบายใจนะคะ
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : thaitravelclinic.com, samitivejhospitals.com, bangkokhospital.com, nhs.uk
Featured Image Credit : freepik.com
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ