“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
มะปรางกับมะยงชิด ต่างกันอย่างไร ? ชวนแยกความแตกต่างของผลไม้ฝาแฝด ประโยชน์เยอะกัน !
ประเทศไทยของเรานั้นมีผลไม้ทุกฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นผลไม้หน้าร้อน หน้าฝน หรือหน้าหนาว อย่างผลไม้หน้าร้อนที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก นอกจากทุเรียนแล้วก็คือ มะปรางกับมะยงชิดนั่นเอง แต่หลายคนก็แยกผลไม้ทั้งสองชนิดนี้ไม่ออก เพราะมีความคล้ายกันอย่างมาก ใครที่ชื่นชอบการกินผลไม้ ถ้าเคยรู้แล้วว่าเสาวรส กินยังไง บทความนี้จะพาไปรู้จักกันว่า มะปรางกับมะยงชิด ต่างกันอย่างไร รวมถึงไอเดียในการกินด้วยค่ะ
มะปรางกับมะยงชิด ต่างกันอย่างไร ? ชวนรู้จักและแยกความแตกต่างของผลไม้คู่แฝด
ผลไม้ของไทยเรานั้น นอกจากมะปรางกับมะยงชิดแล้ว ยังมีผลไม้อื่นๆ อีกที่มีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก เช่น ระกำกับสละ ลางสาดกับลองกอง จำปาดะกับขนุน เป็นต้น แต่ถ้าหากเป็นมะม่วงหาว มะนาวโห่นั้น คือชื่อผลไม้ชนิดเดียว ที่หลายคนอาจเข้าใจผิดคิดว่าเป็นผลไม้สองชนิดที่คล้ายกัน ส่วนมะปรางและมะยงชิดนั้นเป็นผลไม้ที่นิยมทั้งกินสดและนำไปเชื่อม หรือนำไปเป็นส่วนผสมของขนมต่างๆ ก็ได้เหมือนกัน แต่ถึงจะมีความเหมือนกันในเรื่องของการบริโภค แต่ก็มีบางอย่างที่ต่างกัน มะปรางกับมะยงชิด ต่างกันอย่างไร เรามารู้จักกันเลยค่ะ
ลักษณะของต้นมะปรางนั้น เป็นไม้ยืนต้นที่มีขนาดกลาง สูงประมาณ 15 – 30 เมตร มีใบและกิ่งก้านที่หนาและทึบ ซึ่งใบของต้นมะปรางนั้นจะคล้ายกับใบของต้นมะม่วงค่ะ แต่จะเรียวและเล็กกว่า ขอบใบเรียบ สีเขียวเข้ม ในขณะที่ดอกจะเป็นสีเหลือง ส่วนผลมะปรางจะเป็นรูปวงรี มีขนาดเล็กกว่ามะยงชิด แต่มีเมล็ดที่ใหญ่กว่า และมีหลากหลายสายพันธุ์ด้วยค่ะ ส่วนต้นมะยงชิดนั้นเป็นพืชที่จัดอยู่ในวงศ์เดียวกับมะปราง ทำให้มีลักษณะคล้ายคลึงกัน แต่อาจแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยแล้วแต่สายพันธุ์ เช่น มะยงชิดผลมักจะมีขนาดใหญ่กว่า เมล็ดเล็กกว่า การจะแยกว่ามะปรางกับมะยงชิด ต่างกันอย่างไรนั้น จึงอาจจะต้องใช้วิธีการชิมรสชาติแทน เพราะหากดูด้วยสายตาแล้ว ด้วยลักษณะของต้นและผลจะคล้ายกันมากๆ เลยค่ะ ซึ่งโดยทั่วไปมะปรางหากมีผลดิบจะมีรสมัน และผลสุกจะมีรสหวาน ในขณะที่มะยงชิดผลดิบจะมีรสเปรี้ยว และผลสุกจะมีรสหวานอมเปรี้ยวค่ะ
เกร็ดสุขภาพ : ในประเทศไทยจะแบ่งสายพันธุ์ของมะปรางตามรสชาติได้ 3 สายพันธุ์ คือ มะปรางเปรี้ยว มะปรางหวาน และมะยงชิด โดยมะปรางเปรี้ยว จัดเป็นผลไม้ที่มีรสชาติเปรี้ยวจัด นิยมนำไปแช่อิ่มหรือดอง ส่วนมะปรางหวานให้รสชาติหวานจัด ในขณะที่มะยงชิดจะมีรสชาติหวานอมเปรี้ยว แต่ถ้ามีรสชาติเปรี้ยวนำหวาน จะเรียกว่า มะยงห่าง นั่นเองค่ะ
ประโยชน์มะปรางกับมะยงชิด
ด้วยเพราะทั้งมะปรางและมะยงชิดนั้น เป็นผลไม้ในตระกูลเดียวกัน จึงให้ประโยชน์ที่เหมือนกันคือ มีวิตามินซี และเบต้าแคโรทีนสูง รวมถึงอุดมไปด้วยวิตามินเอ แคลเซียม ฟอสฟอรัส และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งให้ประโยชน์ในด้านต่างๆ ดังนี้
- ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย
- ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ เช่น มะเร็ง เบาหวาน ความดันโลหิต เป็นต้น
- มีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงและรักษาดวงตาได้เป็นอย่างดี
- มีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูง ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน
- ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน
- แก้อาการมีเสมหะ น้ำลายเหนียว
- ใบสามารถใช้เป็นยาพอกแก้ปวดศีรษะได้
- รากสามารถนำไปต้มกับน้ำดื่ม เพื่อถอนพิษ แก้ไข้ ตัวร้อน
การบริโภคมะปรางกับมะยงชิด ต่างกันอย่างไร
การกินทั้งมะปรางและมะยงชิดนั้นจะมีความเหมือนกันคือ จะต้องปอกเปลือกและคว้านเมล็ดออกก่อนกิน เพราะเมล็ดมีรสขม ส่วนเปลือกของมะปรางก็มียางที่เป็นพิษ จึงไม่สามารถกินได้ จะต้องปอกเปลือกออกให้หมดไม่ให้ติดที่ผล ส่วนมะยงชิดแม้ว่าเปลือกจะไม่มีพิษอย่างมะปราง แต่ก็ไม่นิยมกิน เพราะการปอกเปลือกจะทำให้อร่อยกว่าค่ะ
เกร็ดสุขภาพ : เปลือกมะปรางมีฤทธิ์ทำให้ระคายคอ หากใครแพ้แล้วกินเปลือกเข้าไปจะทำให้ปวดแสบปวดร้อนในลำคอได้ เพราะฉะนั้น ข้อควรระวังในการกินมะปราง ควรปอกเปลือกออกทุกครั้ง และคว้านเมล็ดเอาเส้นใยที่เป็นเสี้ยนแข็งๆ ออกด้วย เพื่อไม่่ให้เป็นอันตรายและเกิดพิษกับผู้ที่แพ้ได้นั่นเอง
ไอเดียในการกิน
เมนูมะปรางกับมะยงชิด ต่างกันอย่างไร ต้องบอกว่าแทบไม่ต่างกันมากค่ะ เพราะสามารถนำมาทำเมนูคล้ายๆ กันได้ นอกจากกินผลสุกแล้ว ยังนิยมนำมาทำผลไม้แช่อิ่ม และใส่ในของหวาน อย่างเมนูลอยแก้ว สมูทตี้ ขนมเค้ก หรือใส่ในเครื่องดื่ม ส่วนเมนูของคาวนั้น สามารถนำไปผัดกับน้ำพริกกะปิ ใส่ในยำ หรือใส่ในส่วนผสมของซอสต่างๆ ก็ได้ค่ะ
คราวนี้ทุกคนก็ได้รู้กันแล้วนะคะว่ามะปรางกับมะยงชิด ต่างกันอย่างไร ต้องบอกว่ามีความต่างแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้นในเรื่องของรสชาติและวิธีในการนำมากิน นอกนั้นมีความคล้ายกันทั้งประโยชน์ และการนำมาทำเมนูต่างๆ ซึ่งผลไม้หน้าร้อนทั้งสองชนิดนี้ นอกจากให้ความหวานอมเปรี้ยวที่สดชื่นแล้วนั้น ยังให้ประโยชน์ดีๆ ต่อสุขภาพมากมาย แต่ด้วยเพราะบางสายพันธุ์อาจมีความหวานจัด จึงควรกินอย่างระมัดระวังหากคุณต้องระวังน้ำตาลนะคะ เพราะจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงได้ และเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน ทั้งยังอาจทำให้อ้วนได้ด้วยนะถ้ากินมากเกินไปค่ะ (อ่านเพิ่มเติม บทความเรื่องมะละกอ อ้วนไหม)
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : bangkokbiznews.com, home.maefahluang.org, fic.ifrpd.ku.ac.th
Featured Image Credit : vecteezy.com/piyawat_n-skt
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ