“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
หน้าที่ของตับ ไต คืออะไร ? อวัยวะนี้สำคัญอย่างไร มาดูแลให้ดีเพื่อสุขภาพร่างกายที่ดีกัน !
เราทุกคนรู้กันดีว่า อวัยวะภายในร่างกายอย่างตับและไตนั้นมีความสำคัญไม่แพ้หัวใจ เพราะเป็นอวัยวะที่ใหญ่และส่งผลต่อการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย ยิ่งถ้าหากเราดูแลรักษาไม่ดี ก็อาจทำให้เกิดโรคต่างๆ ได้ เช่น ตับแข็ง ไตวาย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นอันตรายต่อชีวิตได้ (อ่านเพิ่มเติมเรื่อง ตับแข็งรักษาหายไหม โรคนี้รักษาอย่างไร) นอกจากนี้ อวัยวะทั้งสองยังทำงานร่วมกันเพื่อสุขภาพที่ดีอีกด้วย เพราะฉะนั้น เรามาดูแลสุขภาพตับและไตไปพร้อมๆ กัน เพื่อให้สุขภาพของเรายั่งยืน และมารู้จักกันว่า หน้าที่ของตับ ไต คืออะไร และมีความสัมพันธ์กันอย่างไรบ้างค่ะ
หน้าที่ของตับ ไต คืออะไร ? มารู้จักอวัยวะสำคัญนี้ให้ดียิ่งขึ้น !
ก่อนที่เราจะไปรู้ถึงหน้าที่ของตับ ไตนั้น มารู้จักกันก่อนว่าตำแหน่งของตับและไตนั้นอยู่บริเวณไหน? อันดับแรก ตับของเรานั้นอยู่เหนือกระเพาะอาหารและใต้ไดอะแฟรมในช่องท้องด้านขวาบน ในขณะที่ไตอยู่ใต้ซี่โครงทั้งด้านขวาและด้านซ้ายของกระดูกสันหลัง คนเราจะมีตับ 1 อัน และไต 2 ข้าง ซึ่งตับนั้นเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย โดยในร่างกายมนุษย์ขนาดปกติตับจะมีน้ำหนักประมาณ 1.5 กิโลกรัม เนื้อตับจะออกสีแดงปนน้ำตาลเข้ม ส่วนไตจะมีลักษณะเป็นรูปถั่วแดงและแต่ละข้างมีขนาดประมาณเท่ากำปั้น
หน้าที่ของตับคืออะไร ?
หน้าที่ของตับ ไตนั้น เป็นทั้งอวัยวะสำคัญสำหรับการเผาผลาญของร่างกาย สร้างสภาวะสมดุล และการล้างพิษ ส่วนตับทำหน้าที่อะไรนั้น ตับทำหน้าที่สำคัญมากกว่า 500 อย่าง แต่ที่สำคัญที่สุดคือเปลี่ยนสารอาหารให้เป็นพลังงาน กรองสารพิษออกจากเลือดก่อนที่จะไหลไปสู่ส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ผลิตน้ำดีเพื่อช่วยในการย่อยอาหาร ขจัดน้ำตาลส่วนเกินออกจากกระแสเลือด เก็บคาร์โบไฮเดรต และอีกมากมาย
หน้าที่ของไตคืออะไร ?
หน้าที่ของไตนั้น ไตมีหน้าที่กรองเลือดเพื่อขับของเสียและสารพิษที่ละลายน้ำได้ ควบคุมปริมาณแร่ธาตุในกระแสเลือด ควบคุม pH ของเลือดและอื่นๆ ซึ่งไตของเรานั้นจะกรองของเหลวประมาณ 200 ลิตรทุกวัน และไตจะทำหน้าที่ร่วมกันกับตับ
เกร็ดสุขภาพ : โรคหลายชนิดสามารถส่งผลต่อไตได้ รวมถึงปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมก็อาจนำไปสู่โรคไต และอาจทำให้เกิดปัญหาด้านการทำงานของไตได้ เช่น โรคไตจากเบาหวาน อันเป็นผลมาจากโรคเบาหวานในระยะยาว อาการที่พบคือ มีการสะสมของของเหลวในร่างกาย นอนหลับยาก เบื่ออาหาร ท้องเสีย อ่อนเพลีย และขาดสมาธิ
หน้าที่ของตับ ไต เชื่อมโยงกันอย่างไร ?
ตับและไตเชื่อมต่อกันอย่างเด่นชัดที่สุดผ่านปฏิกิริยาที่เรียกว่าวัฏจักรยูเรีย หรือที่เรียกว่าวัฏจักรออร์นิไธน์ โดยที่ตับจะเปลี่ยนของเสียไนโตรเจนให้เป็นพิษน้อยกว่า ซึ่งเรียกว่ายูเรีย และยูเรียถูกปลดปล่อยออกจากเซลล์ตับเข้าสู่กระแสเลือดและขนส่งไปยังไต ไตก็จะทำหน้าที่กรองยูเรียและของเสียที่เป็นพิษอื่นๆ ออกจากเลือดเพื่อขับออกจากร่างกายเป็นปัสสาวะนั่นเอง ซึ่งตับและไตทำงานร่วมกันหลายอย่าง รวมถึงการกำจัดของเสีย การควบคุมโซเดียม การดูดซึมแคลเซียม และอื่นๆ สำหรับการล้างพิษและการกำจัดของเสีย ตับจะแยกสารพิษออกเป็นสองสิ่งคือน้ำดีและยูเรีย ในขณะที่น้ำดีถูกส่งผ่านทางเดินอาหาร ส่วนยูเรียจะถูกส่งผ่านกระแสเลือดไปยังไตโดยตรง จากนั้นจะขับออกจากร่างกายเป็นปัสสาวะ พร้อมกับสารพิษอื่นๆ
นอกจากนี้ หน้าที่ของตับ ไตยังทำงานร่วมกับต่อมหมวกไตและการควบคุมโซเดียมอีกด้วย เพราะเมื่อระดับเกลือในเลือดสูงจะสามารถขัดขวางการไหลเวียนเลือดได้ เมื่อเลือดไหลเวียนได้ไม่ดี ไตจะส่งเอ็นไซม์ที่เรียกว่า Renin ไปยังตับ ซึ่งช่วยตับในการผลิตสารที่ส่งไปยังต่อมหมวกไต ต่อมหมวกไตจะถูกกระตุ้นเพื่อผลิตฮอร์โมนที่เรียกว่า Aldosterone ซึ่งช่วยควบคุมสมดุลของน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย ทำให้ความดันเลือดอยู่ในระดับคงที่ และในแง่ของการดูดซึมแคลเซียม เมื่อแสงแดดกระทบผิวของคุณ ตับจะมีหน้าที่เปลี่ยนมันเป็นวิตามินดี จากนั้นวิตามินดีจะเดินทางผ่านกระแสเลือดไปยังไต โดยที่ไตจะเปลี่ยนเป็นแคลซิทริออล ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยลำไส้ในการดูดซึมแคลเซียมจากอาหารนั่นเอง
เกร็ดสุขภาพ : ในผู้ที่เป็นโรคไตวาย ไตจะไม่สามารถกรองของเสียออกจากเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และโรคไตวายมักไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้ ในกรณีที่ไตเสียหายอย่างรุนแรง การล้างไตอาจเป็นทางเลือกหนึ่ง ซึ่งการรักษานี้จะเกิดขึ้นเฉพาะกับภาวะไตวายระยะสุดท้ายที่เกี่ยวข้องกับการสูญเสียการทำงานของไต 85 – 90% การล้างไตมีเป้าหมายเพื่อให้ไตทำหน้าที่บางอย่างได้อย่างสมบูรณ์ และทำให้ผู้ป่วยยังสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้
ทำไมสุขภาพไต และตับ จึงมีความสำคัญ ?
สุขภาพตับและไตมีความสำคัญต่อผิวหนัง ดวงตา ระบบไหลเวียนเลือด ระดับพลังงาน การล้างพิษ การจัดเก็บพลังงาน การดูดซึมวิตามิน และอื่นๆ อีกมากมาย นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องดูแลสุขภาพไตและตับอย่างจริงจัง หากคุณต้องการมีสุขภาพที่ดีรอบด้าน การลดแอลกอฮอล์และน้ำตาล การกินอาหารเพื่อสุขภาพและการออกกำลังกาย รวมถึงการดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอ ล้วนเป็นแนวทางในการดูแลตับ ไต และร่างกายของคุณโดยรวมจากภายในสู่ภายนอก ซึ่งการไม่ดูแลสุขภาพตับและไตอาจทำให้ร่างกายไม่สบายได้ เช่น เมื่อไตมีสุขภาพไม่ดี อาจมีอาการเหนื่อยล้า ขาดมีสมาธิ ข้อเท้าบวม ตาบวม เบื่ออาหาร ปวดกล้ามเนื้อ และอื่นๆ ส่วนเมื่อตับทำงานได้ไม่เต็มที่ ผิวและตาจะเหลือง ขาบวม คันที่ผิวหนัง ปวดท้อง อาเจียน เป็นต้น
เราจะดูแลตับ และไตอย่างไร
หน้าที่ของตับ ไตคืออะไรก็ได้รู้กันแล้ว คราวนี้มารู้ถึงวิธีดูแลตับและไตของเราให้มีสุขภาพดีตลอดไปกันบ้าง ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
1. ดื่มน้ำมากๆ
น้ำช่วยให้อวัยวะต่างๆ ในร่างกายทำงานได้ดี โดยเฉพาะตับและไต ตับทำหน้าที่อะไรนั้น น้ำจะช่วยให้ตับขับสารพิษและไตขับออกมาเป็นปัสสาวะ ซึ่งจะช่วยกำจัดของเสียและสารพิษออกจากร่างกายได้
2. จำกัดการบริโภคแอลกอฮอล์และน้ำตาล
เพราะน้ำตาลและแอลกอฮอล์ทำให้ตับทำงานหนัก และอาจทำให้เกิดความเสียหาย การอักเสบ และการสะสมของไขมัน ซึ่งอาจนำไปสู่โรคตับได้ และโรคตับมักเกี่ยวข้องกับปัญหาไต ส่วนใครที่มีปัญหาเป็นโรคไตอยู่นั้น แนะนำอาหารคนโรคไตที่กินได้และปลอดภัยต่อโรคค่ะ
3. กินอาหารที่สมดุล
การกินอาหารที่สมดุลทั้งอาหารที่มีผลไม้ ผัก โปรตีนไร้มัน ธัญพืชไม่ขัดสี และน้ำมันที่ดีต่อสุขภาพ จะช่วยบำรุงรักษาตับและไตของคุณได้ นอกจากนี้ ยังมีอาหารบางชนิดที่ขึ้นชื่อโดยเฉพาะว่ามีประโยชน์ต่อตับและไต เช่น แครนเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ ผักตระกูลกะหล่ำ ผักใบเขียว และกระเทียม (อ่านเพิ่มเติมเรื่อง โรคไตกินผักอะไรได้)
จะเห็นได้ว่าหน้าที่ของตับ ไตนั้นมีความสัมพันธ์กันอย่างมาก และสุขภาพตับและไตเชื่อมต่อกันอย่างแยกไม่ออก การดูแลทั้งสองอย่างไปพร้อมๆ กันให้อยู่ในสภาพที่ดี จะช่วยให้อวัยวะทั้งสองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะตับทำหน้าที่อะไร และไตทำหน้าที่อะไรนั้น ก็คือช่วยล้างสารพิษออกจากร่างกาย เพิ่มการไหลเวียนของเลือด และเพิ่มการดูดซึมสารอาหาร เรามาดูแลตับและไตได้อย่างง่ายๆ ด้วยการดื่มน้ำให้มากๆ และดำเนินชีวิตตามไลฟ์สไตล์ที่มีสุขภาพดีด้วยการออกกำลังกายและกินอาหารที่ดีและมีประโยชน์ หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ เพียงเท่านี้คุณก็จะมีตับและไตที่แข็งแรง และไม่เสี่ยงต่อโรคต่างๆ แล้วค่ะ
Featured Image Credit : freepik.com/pch.vector
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ