X

ไมเกรน อาหาร แบบไหนที่ควรกิน ?! อาหารแบบไหนที่ควรเลี่ยง !

เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡

ไมเกรน อาหาร แบบไหนที่ควรกิน ?! อาหารแบบไหนที่ควรเลี่ยง !

การปวดหัวไมเกรน เป็นลักษณะการปวดหัวที่สร้างความทรมานให้กับผู้ที่เป็นอย่างมาก เพราะสามารถเกิดขึ้นได้บ่อยครั้ง และมีตัวกระตุ้นหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิ อากาศ และปัจจัยสิ่งแวดล้อมอื่นๆ หลายคนที่เป็นไมเกรน โดยเฉพาะผู้ที่ปวดหัวเรื้อรังมาหลายปี จะพบว่ามีอาหารกระตุ้นไมเกรนและทำให้เกิดอาการกำเริบได้ และในขณะเดียวกันก็มีอาหารที่ดีต่อคนเป็นไมเกรน ที่จะช่วยหยุดอาการเฉียบพลันของไมเกรนได้เช่นกัน ใครที่กำลังประสบกับปัญหาปวดหัวไมเกรนอยู่นั้น มาดูกันว่าอาการปวดหัว ไมเกรน อาหาร อะไรบ้างที่ควรกิน และอาหารอะไรที่ควรเลี่ยง เพื่อที่จะได้เลือกกินอย่างเหมาะสม และไม่ทำให้อาการปวดหัวไมเกรนกำเริบค่ะ

ไมเกรน อาหาร อะไรบ้างที่ควรกิน ? เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรน

ไมเกรน อาหาร, อาหารกระตุ้นไมเกรน
Image Credit : freepik.com

อาหารบางชนิดมีประโยชน์มากมาย แต่บางชนิดก็ควรหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะคนที่เป็นไมเกรน ซึ่งอาหารบางชนิดช่วยป้องกันหรือลดความรุนแรงของไมเกรนได้ ในขณะที่อาหารบางชนิดอาจทำให้เกิดอาการไมเกรนอย่างรุนแรงได้เช่นกัน และเพื่อให้อาการไมเกรนของคุณดีขึ้น หากปวดหัวไมเกรน อาหารอะไรบ้างที่ควรกิน มาดูกันเลยค่ะ

1. ผักใบเขียว

ผักใบเขียวเข้มอย่างผักโขม คะน้า มีทั้งแมกนีเซียมและวิตามินบี โฟเลต ซึ่งอาหารที่มีแมกนีเซียมสูงนั้น จะช่วยลดอาการปวดหัวไมเกรนได้ เพียงใส่ผักโขมลงในไข่คนสำหรับมื้อเช้า หรือใส่ผักโขมลงในสลัดในตอนกลางวัน หรือทำผักโขมผัดกับกระเทียมเป็นเครื่องเคียงสำหรับมื้อเย็น ก็อร่อยได้หลายเมนู แถมยังดีต่ออาการไมเกรนด้วยค่ะ

2. แซลมอน

ปลาแซลมอนอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งกรดไขมันโอเมก้า 3 เป็นสารต้านการอักเสบตามธรรมชาติที่มีประโยชน์ และสามารถใช้เป็นยารักษาอาการไมเกรนได้ อาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 จะช่วยลดความรุนแรงและความถี่ของอาการได้ ซึ่งนอกจากปลาแซลมอนแล้ว ปลาแมคเคอเรล และปลาที่มีไขมันอื่นๆ ที่มีแมกนีเซียมสูง ก็ดีต่อไมเกรนเช่นกัน

3. อะโวคาโด

ไมเกรน อาหาร, อาหารกระตุ้นไมเกรน
Image Credit : freepik.com

ไมเกรน อาหารที่ควรกินนั้น ได้แก่ อะโวคาโด เพราะเป็นผลไม้ที่มีแมกนีเซียมสูง และอุดมไปด้วยไขมันที่ดีต่อสุขภาพ สามารถเพิ่มอะโวคาโดลงในสลัดและหั่นเป็นชิ้นลงในแซนวิชได้ หรือจะทำเป็นสมูทตี้ก็ดี นอกจากนี้ อะโวคาโดยังมีวิตามินดีด้วย ซึ่งสามารถป้องกันความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน (Oxidative stress) ทำให้เกิดอนุมูลอิสระมาก และอาจนำไปสู่อาการปวดหัวไมเกรนได้ แต่มีข้อควรระวังคือ อะโวคาโดที่สุกมากเกินไป อาจไปกระตุ้นไมเกรนได้เนื่องจากมีไทรามีนสูง ทำให้ปวดศีรษะอย่างรุนแรงได้

4. อัลมอนด์

อัลมอนด์เต็มไปด้วยแมกนีเซียม และอุดมไปด้วยไขมันและเส้นใยที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรนได้ด้วยการทำให้หลอดเลือดขยายตัว ทั้งยังมีวิตามินอีจำนวนมากที่สามารถช่วยควบคุมไมเกรนที่เกิดจากความผันผวนของฮอร์โมนได้อีกด้วย ซึ่งอาหารอย่างถั่วอัลมอนด์หรือถั่วอื่นๆ อย่างวอลนัท เม็ดมะม่วงหิมพานต์ จะสามารถช่วยบรรเทาอาการไมเกรนได้ทันที ถ้าปวดหัวไมเกรนเมื่อไหร่ ลองหยิบถั่วเหล่านี้มากินดูนะคะ

5. เมล็ดแฟลกซ์

ไมเกรน อาหาร, อาหารกระตุ้นไมเกรน
Image Credit : freepik.com

เมล็ดแฟลกซ์อย่าง เมล็ดงาดำ เมล็ดฟักทอง เมล็ดทานตะวัน และเมล็ดเจีย เมล็ดเหล่านี้เป็นแหล่งที่ดีของกรดไขมันโอเมก้า 3 และแมกนีเซียมจากพืช ซึ่งอาจช่วยป้องกันการหดเกร็งของหลอดเลือด ที่อาจเป็นสาเหตุของไมเกรนได้ ลองใส่เมล็ดแฟลกซ์บดลงในสมูทตี้ ข้าวโอ๊ตบด หรือเมนูอื่นๆ เพื่อเพิ่มรสชาติในอาหารได้

เกร็ดสุขภาพ : ไมเกรนกับอาหารมีความเชื่อมโยงกัน เพราะมีการศึกษาและการวิจัยชี้ว่า อาหารและการควบคุมอาหารมีส่วนสำคัญกับอาการไมเกรน การเลือกกินอาหารบางชนิดอาจช่วยป้องกันไมเกรนหรือลดความถี่ของอาการได้ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกินก็สามารถช่วยได้เช่นกัน เช่น การจำกัดโซเดียมและไขมัน หรือกินอาหารที่มีน้ำตาลต่ำ เป็นต้น

อาหารกระตุ้นไมเกรนมีอะไรบ้าง ? เพื่อไม่ให้อาการแย่ลง ควรหลีกเลี่ยง !

ไมเกรน อาหาร, อาหารกระตุ้นไมเกรน
Image Credit : freepik.com

หากคุณมีอาการปวดหัวด้านซ้ายหลัง และขวา สาเหตุหลักมักจะมาจากการปวดไมเกรน นอกจากรักษาด้วยยาตามแพทย์สั่งแล้วนั้น การหลีกเลี่ยงตัวกระตุ้นอย่างเช่นอาหารบางชนิดก็จะช่วยให้อาการดีขึ้นได้ และเราสามารถบรรเทาอาการปวดหัวจากไมเกรนได้ด้วยการหลีกเลี่ยงอาหารกระตุ้นไมเกรนดังต่อไปนี้

1. คาเฟอีน

การดื่มคาเฟอีนอย่างกาแฟ หรือชา มากเกินไป และการประสบกับอาการถอนคาเฟอีนจากการพยายามเลิกกินกาแฟนั้น อาจทำให้เกิดอาการปวดหัวไมเกรนได้ แม้ว่าคาเฟอีนจะสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดหัวได้ด้วยการดื่มเป็นครั้งคราว แต่การดื่มมากเกินไปสามารถกระตุ้นการเกิดไมเกรนได้เช่นกัน พยายามจำกัดตัวเองให้ดื่มชา กาแฟน้อยกว่าสองถ้วยต่อวัน ก็จะสามารถลดการปวดหัวไมเกรนได้ค่ะ

2. แอลกอฮอล์

ไมเกรน อาหารที่ควรเลี่ยงคือแอลกอฮอล์ เพราะเป็นหนึ่งในอาหารกระตุ้นไมเกรนเป็นอย่างดี เนื่องจากแอลกอฮอล์อาจทำให้ร่างกายขาดน้ำ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการปวดหัวไมเกรนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไวน์แดง เพราะมีสารไทรามีนและฮีสตามีนสูง ซึ่งเป็นสารกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการไมเกรนได้

3. ช็อกโกแลต

ไมเกรน อาหาร, อาหารกระตุ้นไมเกรน
Image Credit : freepik.com

ช็อกโกแลตถือเป็นสาเหตุหลักอันดับสองสำหรับการปวดหัวไมเกรน รองจากการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะช็อกโกแลตมีทั้งคาเฟอีนและ Beta – phenylethylamine ซึ่งอาจทำให้ปวดหัวได้ในบางคน

4. ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว

แม้ว่าการกินผลไม้สดจำนวนมากเป็นวิธีที่ดีในการหลีกเลี่ยงการปวดหัวไมเกรนได้ แต่คุณอาจจะต้องระวังผลไม้รสเปรี้ยว อย่างส้ม เกรปฟรุต มะนาว และเลมอน เพราะอาจทำให้ปวดหัวได้ แต่ก็ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยเท่าอาหารประเภทอื่นๆ หากคุณมีอาการไมเกรน ลองหลีกเลี่ยงผลไม้เหล่านี้ดูนะคะ

5. ชีส

ไมเกรน อาหาร, อาหารกระตุ้นไมเกรน
Image Credit : freepik.com

ชีสบางชนิดมีสารที่เรียกว่าไทรามีน ที่เกิดจากอายุของการบ่มอาหารทำให้เกิดการสลายตัวของโปรตีน ยิ่งชีสมีอายุนานเท่าไหร่ ปริมาณไทรามีนก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น เนื่องจากไทรามีนเป็นสารเคมีอีกชนิดหนึ่งที่กล่าวกันว่าทำให้เกิดอาการปวดหัวไมเกรนได้ และชีสทั่วไปที่มีไทรามีนสูง ได้แก่ เฟต้าชีส บลูชีส และพาเมซานชีส

เกร็ดสุขภาพ : อาหารบางชนิด เช่น อาหารแปรรูปรสเค็ม อาหารแช่แข็ง และสารเติมแต่งในอาหารที่มีผงชูรส โมโนโซเดียมกลูตาเมต (MSG) ก็มีแนวโน้มที่จะกระตุ้นให้เกิดอาการปวดหัวไมเกรนในเปอร์เซ็นต์ที่สูงได้ รวมถึงปัจจัยอื่นๆ เช่น ความเครียด การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน และการอดนอน ก็สามารถเป็นตัวกระตุ้นอาการได้เช่นกัน

หากต้องการบรรเทาอาการไมเกรน อาหารเหล่านี้มีทั้งที่คุณควรกินและควรหลีกเลี่ยงเพราะเป็นอาหารกระตุ้นไมเกรนได้ เพื่อให้อาการดีขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากอาหารต่างๆ แล้ว การดื่มน้ำมากๆ ก็จะช่วยบรรเทาอาการได้ เพราะภาวะขาดน้ำเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของอาการปวดหัว ควรดื่มน้ำมากๆ และพักผ่อนเยอะๆ หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นต่างๆ หรือจะลองใช้สมุนไพรแก้ไมเกรนร่วมด้วยก็ได้นะคะ เพื่อให้อาการไมเกรนของคุณดีขึ้นได้นั่นเอง

อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : healthline.com

Featured Image Credit : pexels.com/Larissa Deruzzi

ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ

ติดต่อโฆษณา

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้การวิเคราะห์

    เราขออนุญาติใช้คุกกี้นี้เก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ เพื่อประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ที่ดีขึ้นให้กับคุณ

Save