“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
เบาหวาน ลงเท้า เกิดจากอะไร ? รักษาได้ไหม ? พร้อมวิธีดูแลตัวเองให้ห่างไกลความเสี่ยง
เป็นที่รู้กันว่า โรคเบาหวาน เกิดจากความผิดปกติของการผลิตฮอร์โมนอินซูลินที่ไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้ได้เท่าที่ควร ส่งผลให้ปริมาณน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ในระยะยาวจะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมา ไม่ว่าจะเป็น เบาหวานขึ้นตา ความดันโลหิตสูง และ เบาหวาน ลงเท้า ก็เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยๆ ในผู้ป่วยเบาหวาน เช่นกัน
จากสถิติพบว่า ประชากรในวัยผู้ใหญ่ 11 คน จะพบ 1 คนที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน แล้วใครบ้างที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน ? ผู้ที่มีอายุมากกว่า 35 ปี ผู้ที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน มีโรคประจำตัวความดันโลหิตสูง มีระดับไขมันในเลือดผิดปกติ หรือ มีญาติสายตรง เช่น คุณพ่อ คุณแม่ หรือพี่น้องที่เคยมีประวัติเป็นโรคเบาหวาน หากใครเข้าข่ายเกณฑ์ที่บอกมาข้างต้น ก็อาจมีความเสี่ยงที่จะมีโอกาสเป็นโรคเบาหวานได้ และถ้าใครกำลังกังวลว่าตัวเองเสี่ยงจะเป็นโรคเบาหวานหรือไม่ ก็สามารถใช้ เครื่องตรวจเบาหวาน เพื่อตรวจหาระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตัวเองได้ค่ะ
ชวนมารู้จัก เบาหวาน ลงเท้า เกิดจากอะไร ?
เบาหวานลงเท้า เป็นหนึ่งในภาวะแทรกซ้อนที่สามารถพบได้บ่อยในผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน โดยเกิดจากการเสื่อมของเส้นประสาทและหลอดเลือดบริเวณขาและเท้าเนื่องจากถูกน้ำตาลทำลาย โดยปกติแล้วผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานจะมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งน้ำตาลนี้สามารถทำลายหลอดเลือดและเส้นประสาทในร่างกายได้ และเมื่อเกิดความเสื่อมของระบบประสาทและหลอดเลือดบริเวณเท้า จะทำให้สูญเสียความรู้สึก ร่วมกับมีภาวะเลือดไปเลี้ยงเท้าไม่เพียงพอ ทำให้บริเวณนั้นๆ มีโอกาสที่จะเกิดแผลได้ง่าย และอาจเป็นแผลเรื้อรัง เนื่องจากผู้ที่เป็นโรคเบาหวานมักมีอาการแผลหายช้าอยู่เป็นทุนเดิม หากมีอาการหนักอาจรุนแรงถึงขั้นจำเป็นจะต้องตัดเท้าเลยทีเดียว
เกร็ดสุขภาพ : มีการคาดการณ์ว่า จำนวนประชากรโลก 6.3 % ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ปัจจุบันมีจำนวนผู้ป่วยโรคเบาหวานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี และคาดว่าทั่วโลกจะมีผู้ป่วยเบาหวานจำนวนสูงขึ้นถึง 333 ล้านคนในปี พ.ศ.2568 ซึ่งโรคเบาหวานเป็นสาเหตุให้ถูกตัดเท้าหรือขา 40 – 70% และมีผู้ป่วยเบาหวานถูกตัดเท้าในทุกๆ 30 วินาที
เบาหวาน ลงเท้า อาการเป็นอย่างไร ? มาดูวิธีสังเกตกัน !
ถ้าคุณหรือคนใกล้ตัวป่วยเป็นโรคเบาหวานอยู่แล้ว ควรสังเกตอาการต่างๆ ดังนี้
- มีอาการชาที่เท้าหรือเป็นเหน็บบริเวณเท้า โดยเฉพาะบริเวณปลายนิ้วเท้าไล่ขึ้นไปถึงหลังเท้า
- มีอาการเจ็บแปล๊บหรือปวดแสบร้อน ร้อนวูบวาบบริเวณขาหรือเท้า
- มีอาการปวดเฉียบพลันหรือเป็นตะคริวบริเวณขาและเท้า
- มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง
- ไวต่อการสัมผัส หากถูกแตะเพียงเล็กน้อยก็อาจรู้สึกปวดหรือเจ็บได้
- สีผิวบริเวณนั้นๆ ซีดลงหรือคล้ำขึ้นจนสังเกตได้ชัด
- ผิวหนังบริเวณเท้าแห้งจนปริแตกเป็นแผล หรือมีแผลพุพอง ซึ่งจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายเนื่องจากเชื้อโรคสามารถเข้าไปได้
- รูปเท้าผิดปกติ มีปัญหากระดูกและข้อ อาจมีกระดูกงอกโปนขึ้นมา
หากมีอาการดังกล่าว ควรรีบไปพบแพทย์ เนื่องจากสามารถบ่งบอกถึงความเสี่ยงที่จะเกิดเบาหวานลงเท้าได้
วิธีป้องกัน ภาวะแทรกซ้อน เบาหวานลงเท้า
หากใครไม่อยากเป็นเบาหวานลงเท้า เรามีวิธีป้องกันมาฝาก สามารถทำได้ดังนี้ค่ะ
- ควบคุมระดับน้ำตาลและไขมันให้อยู่ในระดับปกติตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
- ควบคุมระดับความดันเลือดในอยู่ในเกณฑ์
- เลิกสูบบุหรี่โดยเด็ดขาด
- พบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อติดตามอาการอย่างใกล้ชิด
- ถ้ามีแผลบริเวณขาหรือเท้าเพียงเล็กน้อย ให้รีบทำความสะอาดทันที และควรรีบมาพบแพทย์ เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะมีโอกาสติดเชื้อได้
ควบคุมอาหาร รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และดีต่อสุขภาพ หากใครเป็น โรคเบาหวาน อาหารเมนูไหนดีที่อยากแนะนำก็คือให้เน้นผัก และหลีกเลี่ยงหวาน มัน เค็ม เลือกวัตถุดิบที่มีสรรพคุณลดน้ำตาลในเลือดได้ก็จะดีค่ะ
เบาหวาน ลงเท้า รักษาได้ไหม ?
โดยทั่วไปแล้ว แพทย์จะรักษาไปตามอาการ เช่น ทำความสะอาดแผล ตัดเอาเนื้อเยื่อบางส่วนที่ตายแล้วออก รักษาภาวะติดเชื้อ และรักษาภาวะเท้าขาดเลือด ค้นหาสาเหตุการเกิดแผล และหาวิธีป้องกันไม่ให้เกิดแผลซ้ำ และให้ความรู้ผู้ป่วยรวมถึงญาติดูแลผู้ป่วยเกี่ยวกับวิธีการดูแลตนเอง
หากเป็นเบาหวานลงเท้า อาการชัดแล้ว ดูแลตัวเองอย่างไร ?
หากใครมีภาวะแทรกซ้อน เบาหวานลงเท้า หรือมีคนใกล้ชิดมีอาการแล้ว เรามีวิธีดูแลตัวเองมาฝากกัน สามารถนำไปปรับใช้ได้เลยค่ะ
- หมั่นทำความสะอาดเท้าให้สะอาดอยู่เสมอ โดยล้างเท้าในน้ำอุ่นและถูสบู่อ่อน ๆ เป็นประจำทุกวัน หลีกเลี่ยงการแช่เท้าในน้ำเป็นเวลานาน
- ทาครีมบำรุงเท้าเพื่อป้องกันผิวแห้ง แตก ซึ่งจะก่อให้เกิดแผลได้
- สำรวจเท้าของตัวเองว่ามีรอยแผล รอยขีดข่วนหรือไม่ มีตุ่มน้ำ แผลพุพอง แผลฟกช้ำ หรือมีสีผิวที่เปลี่ยนแปลงไป หากมีอาการ ควรปรึกษาแพทย์ทันที
- หลีกเลี่ยงการลงน้ำหนักที่เท้า และไม่เดินเท้าเปล่า สวมรองเท้าในบ้าน โดยเลือกรองเท้าที่นุ่ม ใส่สบาย ไม่อับชื้น
- สวมถุงเท้าทุกครั้งเพื่อป้องกันการเสียดสีโดยตรงระหว่างเท้ากับรองเท้า และเลือกรองเท้าที่สวมใส่สบาย
- ตัดเล็บเท้าอย่างระมัดระวัง ใช้ตะไบเล็บตะไบส่วนที่คมออก
เกร็ดสุขภาพ : ผู้ป่วยเบาหวานมักมีผิวหนังที่แห้ง อาจทำให้เกิดอาการคันและเกิดแผลได้ การทาโลชั่นหรือทาครีมบางๆ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว จะช่วยป้องกันการเกิดแผลบริเวณผิวหนังเนื่องจากผิวแห้งแตกได้ โดยเลือกโลชั่นที่สามารถซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็วและไม่เหนียวเหนอะหนะ
คำแนะนำสำหรับญาติและคนใกล้ชิด
- ดูแลในส่วนของอาหารอย่างเคร่งครัด เพื่อควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือด รับประทานคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น 5 เมนู ข้าวโพดข้าวเหนียว แทนแป้งขัดขาว
- หมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลงเท้าของผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอ ทั้งเรื่องสีผิว การเกิดรอยแผลต่าง ๆ เบาหวานลงเท้า อาการจะชัดเจนจนสามารถมองเห็นได้
- ตัดเล็บให้ผู้ป่วยอย่างระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการตัดบริเวณหนังและเนื้อ เนื่องจากอาจทำให้เกิดแผลและเลือดออกได้
- ช่วยผู้ป่วยออกกำลังกายเท้าโดยการหมุนข้อเท้า หรือกระดกเท้าขึ้นลงสลับกัน อย่างน้อยวันละ 3 ครั้ง
เบาหวานลงเท้า แม้อาการจะดูน่ากลัว แต่สามารถป้องกันได้อย่างทันการณ์ด้วยวิธีการต่างๆ ที่เรานำมาบอก รวมถึงวิธีดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนนี้ หากดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ทั้งเรื่องอาหารการกิน ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอย่างเคร่งครัด หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ และไปพบแพทย์ตามนัด เพียงเท่านี้ ก็มีสุขภาพที่ดีขึ้นและห่างไกลจากโรคได้ค่ะ
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : phyathai.com, hopkinsmedicine.org, mayoclinic.org
Featured Image Credit : freepik.com/rawpixel.com
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ