“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
ปลาเก๋า เมนู 5 สไตล์ ที่สายคลีนต้องหลงรัก !
หนึ่งในอาหารที่ดีและมีประโยชน์ก็คือ ปลา เนื่องจากมีไขมันน้อยและแคลอรี่ต่ำ ทั้งยังเป็นแหล่งวิตามินที่ดีต่อร่างกายอีกด้วย เมนูอาหารที่ทำจากปลาจึงเป็นที่นิยมทั้งในหมู่คนทั่วไปและกลุ่มคนรักสุขภาพ อย่างเช่น ปลานึ่งขิงขึ้นฉ่าย ปลาเก๋า สามรส ต้มยำปลา ข้าวต้มปลา เป็นต้น เพราะนอกจากจะอร่อยและนำมาทำอาหารได้หลากหลายแล้ว ยังเป็นเมนูเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง ใครที่เป็นสายคลีนที่กำลังมองหาเมนูอร่อยๆ จากปลา เรามีมาแนะนำกันค่ะกับปลาเก๋า เมนูอร่อย 5 เมนู ที่กินได้ทุกวัน สุขภาพดีทุกวันค่ะ
ปลาเก๋า เมนูอร่อย 5 เมนู ทำไม่ยาก ดีต่อสุขภาพอีกด้วย
ปลาเก๋าลวกจิ้ม
ปลาเก๋า เมนูแรกเป็นเมนูที่ทำง่าย กินง่าย และมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ทั้งยังได้โปรตีนจากปลาไปแบบเต็มๆ ด้วยการนำเนื้อปลาเก๋ามาลวกให้สุก แล้วกินกับน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวสุดแซ่บกันค่ะ
วัตถุดิบ
- ปลาเก๋า 1 ตัว แล่เนื้อหั่นเป็นชิ้นๆ
- ขึ้นฉ่าย 3 ต้น
- ขิงซอย 3 ช้อนโต๊ะ
- ขิงหั่นแว่น ¼ ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมเจียว 1 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ เล็กน้อย
วิธีทำ
- ตั้งหม้อใส่น้ำและต้มให้เดือด จากนั้นใส่โคนขึ้นฉ่าย ขิงหั่นแว่น และเกลือลงไป
- พอน้ำเดือดจัดให้ใส่เนื้อปลาเก๋าลงไปลวก และห้ามคน ลวกประมาณ 3 นาทีหรือจนสุก
- ตักใส่จานโรยด้วยกระเทียมเจียว เสิร์ฟพร้อมขึ้นฉ่าย ขิงซอย และน้ำจิ้มเต้าเจี้ยว
เกร็ดสุขภาพ : เคล็ดลับการทำปลาเก๋า เมนูลวกจิ้มให้ปลาไม่คาวและอร่อย ขั้นแรกคือการเลือกปลา ให้เลือกปลาที่ตาใส เนื้อแน่น ไม่มีสีคล้ำหรือมีกลิ่น จากนั้นล้างปลาให้สะอาดด้วยการใช้แป้งมันถูที่ผิวปลา แป้งมันจะมีคุณสมบัติในการจับกับเมือกปลาทำให้ล้างเมือกออกหมด แล้วใช้เกลือขัดผิวปลาอีกครั้งเพื่อขจัดความคาว ส่วนขั้นตอนการลวกนั้นการใส่เครื่องสมุนไพรลงไปในน้ำเดือดจะช่วยลดความคาวของปลา และขณะลวกห้ามคน เท่านี้ก็จะได้ปลาลวกที่ไม่คาวและหวานอร่อยแล้วค่ะ
- ปลาเก๋าผัดพริก
หากคุณชอบกินปลาเก๋า เมนูนี้คือเมนูเด็ดที่พลาดไม่ได้ ปลาเก๋าผัดพริก เมนูกับข้าวแสนอร่อยและยังเผ็ดซู่ซ่า เพิ่มรสชาติให้กับมื้ออาหาร นอกจากอร่อยแล้วยังได้ประโยชน์จากสมุนไพรต่างๆ อีกด้วยค่ะ
วัตถุดิบ
- เนื้อปลาเก๋าหั่นชิ้น 150 กรัม
- กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
- หอมหัวใหญ่หั่นเส้น 50 กรัม
- พริกชี้ฟ้าสามสีหั่นแฉลบ 3 เม็ด
- ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
- ซอสเห็ดหอม 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย ½ ช้อนโต๊ะ
- พริกไทยป่น ¼ ช้อนชา
- เกลือป่นหยาบ ¼ ช้อนชา
- พริกไทยดำบดหยาบ ¼ ช้อนชา
- น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
- แป้งสาลีอเนกประสงค์สำหรับคลุกปลา
- น้ำมันรำข้าวสำหรับทอด
- น้ำมันรำข้าวสำหรับผัด 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
- โรยเกลือป่นและพริกไทยดำบนเนื้อปลาเก๋าให้ทั่ว แล้วนำไปคลุกกับแป้งสาลี
- ตั้งกระทะใส่น้ำมันสำหรับทอดลงไป พอร้อนแล้วนำปลาเก๋าลงไปทอดจนสุกเหลืองทั้ง 2 ด้าน จากนั้นตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน
- ตั้งกระทะใบเดิมแล้วใส่น้ำมันสำหรับผัดลงไป ตามด้วยกระเทียม แล้วผัดให้พอหอม
- ใส่หอมหัวใหญ่ลงไปผัด ปรุงรสด้วยซอสเห็ดหอม ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย และพริกไทยป่น จากนั้นเติมน้ำเปล่าเล็กน้อยแล้วผัดให้เข้ากัน
- เมื่อทุกอย่างเข้ากันดีแล้ว ให้ใส่เนื้อปลาเก๋าทอดลงไป ตามด้วยพริกชี้ฟ้าทั้ง 3 สี แล้วผัดทั้งหมดให้เข้ากันอีกครั้ง จากนั้นตักใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ
- ปลาเก๋า สามรส
ปลาเก๋า สามรส เป็นเมนูยอดนิยมอย่างมาก เพราะสามารถกินได้ทุกเพศทุกวัย และสามารถทำกินเองที่บ้านได้อย่างไม่ยากด้วยค่ะ ปลาเก๋า เมนูนี้จะทำอย่างไรบ้างนั้น มาดูกันเลย
วัตถุดิบ
- ปลาเก๋าขนาดใหญ่ 1 ตัว
- พริกชี้ฟ้าแดงและเหลือง 5 เม็ด
- กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
- ขึ้นฉ่าย 4 ต้น
- ใบมะกรูดหั่นฝอย 2 ใบ
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันรำข้าวสำหรับทอด
- น้ำมันรำข้าวสำหรับผัด 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
- บั้งปลา ควักไส้ และล้างทำความสะอาด และพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
- โขลกพริกชี้ฟ้าและกระเทียมให้เข้ากัน พักไว้
- ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้พอร้อน จากนั้นนำปลาเก๋าลงไปทอดให้เหลืองกรอบทั้งสองด้าน แล้วตักขึ้นไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน
- ตั้งกระทะใส่น้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะ แล้วใส่เครื่องที่โขลกแล้วลงไปผัดให้หอม ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และน้ำมะขามเปียก ชิมรสให้ได้เปรี้ยวหวาน จากนั้นใส่ใบมะกรูดลงไป
- ตักปลาวางบนจาน ราดด้วยซอสที่ผัดไว้ โรยหน้าด้วยขึ้นฉ่าย พร้อมเสิร์ฟ
- ต้มยำปลาเก๋า
นอกจากเมนูจากปลาทูจะนำมาทำต้มยำได้อร่อยแล้ว ปลาเก๋าก็นำมาทำต้มยำได้อร่อยเช่นกัน ปลาเก๋า เมนูนี้ให้รสจัดจ้านเปรี้ยวแซ่บ ซดน้ำคล่องคอ แถมยังเต็มไปด้วยสมุนไพรอีกด้วย เป็นเมนูอาหารที่ให้รสกลมกล่อม และดีต่อสุขภาพด้วยค่ะ
วัตถุดิบ
- ปลาเก๋า 1 ตัว แล่เนื้อหั่นเป็นชิ้นๆ
- ตะไคร้หั่นท่อนบุบพอแตก 2 ต้น
- พริกขี้หนูสวนบุบพอแตก 1 ½ ช้อนโต๊ะ
- ข่าหั่นแว่น 10 ชิ้น
- ใบมะกรูดฉีก 5 ใบ
- ใบกะเพรา ½ ถ้วย
- น้ำเปล่า 700 กรัม
- น้ำปลา 4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะนาว 4 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
- ตั้งหม้อใส่น้ำเปล่าให้เดือด จากนั้นใส่เนื้อปลาเก๋า ตะไคร้ ข่า ใบมะกรูด และพริกขี้หนูสวนลงไป
- พอเนื้อปลาสุกดีแล้ว ปิดไฟและยกหม้อลง
- ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว และใส่ใบกะเพราลงไป คนให้เข้ากันเบาๆ ตักใส่ถ้วยพร้อมเสิร์ฟ
ปลาเก๋าผัดขิง
มาที่ปลาเก๋า เมนูสุดท้าย กับเมนูอาหารไทยที่ได้รับอิทธิพลมาจากอาหารจีน ปลาเก๋าผัดขิง อาหารที่ดีต่อสุขภาพ ได้ทั้งประโยชน์จากปลาและประโยชน์จากขิง เป็นอีกเมนูอร่อยที่เราอยากแนะนำค่ะ
วัตถุดิบ
- เนื้อปลาเก๋า 350 กรัม
- แป้งมันสำปะหลัง 40 กรัม
- แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียม 6 กลีบ
- เต้าเจี้ยว 2 ช้อนโต๊ะ
- ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ½ ช้อนโต๊ะ
- ขิงอ่อนซอย 180 กรัม
- พริกชี้ฟ้าแดงหั่นแฉลบ 1 เม็ด
- ต้นหอมหั่นท่อน 2 ต้น
- ขึ้นฉ่ายหั่นท่อน 1 ต้น
- เห็ดหูหนูดำ 30 กรัม
- น้ำสะอาด 4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันรำข้าวสำหรับทอด
- น้ำมันรำข้าวสำหรับผัด 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
- ผสมแป้งมันสำปะหลังกับแป้งข้าวเจ้าให้เข้ากัน แล้วนำเนื้อปลาเก๋าลงไปคลุก เคาะเอาแป้งส่วนเกินออก
- ตั้งกระทะใส่น้ำมันพอร้อน นำปลาที่คลุกไว้ลงไปทอดให้สุกและกรอบดี ตักพักไว้สะเด็ดน้ำมัน
- โขลกกระเทียมและเต้าเจี้ยว ให้พอแหลก พักไว้
- ตั้งกระทะใส่น้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ แล้วนำเครื่องที่โขลกไว้ลงผัดให้หอม จากนั้นใส่ปลาทอดลงไป
- ปรุงรสด้วยซอสปรุงรส ซีอิ๊วขาว และน้ำตาลทราย เติมน้ำสะอาดตามลงไป
- ใส่ขิง เห็ดหูหนู และพริกชี้ฟ้าลงไป ผัดจนขิงนุ่ม จากนั้นใส่ต้นหอมและขึ้นฉ่ายลงไปคลุกเคล้าเล็กน้อย
- ตักใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ ตกแต่งหน้าด้วยขึ้นฉ่าย
เกร็ดสุขภาพ : ปลาเก๋านอกจากจะมีคอเลสเตอรอลน้อยแล้ว ยังมีไขมันอิ่มตัวต่ำ และเป็นแหล่งวิตามิน B6 และ B12 ที่ดีอีกด้วย รวมถึงมีสารอาหารสำคัญอย่างฟอสฟอรัส โพแทสเซียม โปรตีน และซีลีเนียม ที่ดีต่อสุขภาพของเราด้วยค่ะ
สำหรับสายคลีนหรือคนรักสุขภาพ ลองทำปลาเก๋า เมนูต่างๆ เหล่านี้กันดูนะคะ นอกจากทำไม่ยากแล้ว ยังอร่อยและดีต่อสุขภาพ และยังไม่อ้วนเพราะไขมันต่ำอีกด้วย เหมาะกับคนที่กำลังดูแลสุขภาพและลดน้ำหนักอย่างมากค่ะ และถ้ากังวลสำหรับเมนูทอด ก็เลือกเป็นเมนูนึ่งแทนก็ได้นะคะ หรือจะลองทำเมนูปลากรายที่เราเคยแนะนำสูตรไปก็ได้นะคะ เพราะอร่อยไม่แพ้กันเลย
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : foodtravel.tv, maeban.co.th, xn--q3cp7eza.net, pholfoodmafia.com
Featured Image Credit : freepik.com
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ