“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
งาดำมีประโยชน์อย่างไร? รับประทานมากเกินไปมีโทษหรือไม่?
เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยได้รับประทานงากันมาบ้างแล้วไม่มากก็น้อย เพราะงาดำถือว่าเป็นพืชที่นิยมนำมาปรุงเป็นอาหารทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน แต่นอกจากความหอมที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว ทุกคนทราบหรือไม่ว่า งาดำมีประโยชน์อย่างไร หรืองาดำ สรรพคุณที่ดีต่อร่างกายมีอะไรบ้าง วันนี้เราจึงเลือกหยิบยกหัวข้อนี้มานำเสนอ เพื่อให้ทุกคนรู้จักกับงาดำให้มากขึ้น และสามารถใช้ประโยชน์จากงาดำให้ได้มากขึ้น
งาดำคืออะไร?
งาดำ คือเมล็ดพืชชนิดหนึ่งที่อุดมไปด้วยน้ำมันที่ดีต่อร่างกาย มีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกา บริเวณประเทศเอธิโอเปีย แล้วจึงเริ่มแพร่กระจายไปยังประเทศอินเดีย จีน และอีกหลายประเทศในแถบเอเชียซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย โดยที่งาดำนั้นเป็นเมล็ดพืชที่สามารถรับประทานทั้งเมล็ด นิยมนำมาผสมในอาหาร หรือทำการสกัดน้ำมันเพื่อใช้ในการประกอบอาหาร งาดำนั้นมีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีโปรตีน ประมาณ 21-27% มีน้ำมันที่ดีต่อร่างกายและมีธาตุอาหารเกือบครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น ธาตุแคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมงกานีส และแมกนีเซียม อีกทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย งาดำจึงได้รับความนิยมนำไปรับประทานเพื่อเป็นอาหารสุขภาพ และใช้ในการป้องกันและรักษาโรคได้อีกด้วย
งาดำมีประโยชน์อย่างไร
หากสงสัยว่างาดำมีประโยชน์อย่างไร คำตอบคือ งาดำนั้นมีประโยชน์มากมาย และอาจมากกว่าที่เราคิด โดยวันนี้เรามีสรรพคุณที่น่าสนใจของงาดำมานำเสนอให้กับทุกคน ดังนี้
- หากพูดถึงว่างาดำมีประโยชน์อย่างไร สิ่งแรกที่เป็นจุดเด่นของงาดำเลยก็คือ การช่วยต้านสารอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความแก่ ช่วยรักษาสภาพผิวพรรณให้ดูสดใสเปล่งปลั่ง ช่วยชะลอการเกิดการเหี่ยวย่นของผิวหนังตามกาลเวลา ชะลอการเกิดริ้วรอย อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมภูมิคุ้มกันให้กับผิวหนังของเราอีกด้วย
- ช่วยในการลดความเครียด ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ที่อาจตามมาได้ ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพในการทำงานและปฏิสัมพันธ์ต่อคนรอบข้างลดน้อยลง มีปัญหาการนอน ขาดสมาธิในการใช้ชีวิตประจำวัน และรวมไปถึงการเกิดโรคเครียดลงกระเพาะอีกด้วย
- อีกหนึ่งคำตอบแรกๆ ของคำถามที่ว่างาดำมีประโยชน์อย่างไร นั่นก็คือ สามารถช่วยในการบำรุงระบบประสาทและสมอง ช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ในระบบประสาท อีกทั้งยังช่วยในเรื่องของความจำให้ดีขึ้นอีกด้วย
เกร็ดสุขภาพ : อาการนอนไม่หลับนั้น สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น เกิดจากความเครียดสะสม ความวิตกกังวล ความกดดันในภาระที่ต้องแบกรับ เกิดจากโรคต่างๆ เช่น โรคไอเรื้อรัง โรคกรดไหลย้อน โรคซึมเศร้า โรคไบโพลาร์ และรวมไปถึงอาจเกิดจากสภาพแวดล้อมที่ไม่อำนวยในการนอนหลับ เช่น อยู่ในที่ที่เสียงดัง หรืออยู่ในที่ที่มีแสงสว่างจนเกินไปก็อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุของอาการนอนไม่หลับได้
- ช่วยป้องกันและลดโอกาสการเกิดโรคหัวใจ ช่วยลดการเกิดลิ่มเลือดซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการเกิดการแข็งตัวของหลอดเลือด อีกทั้งยังสามารถช่วยลดความดันโลหิตได้อีกด้วย
- ช่วยบำรุงรากโคนผมซึ่งทำให้ผมแข็งแรงขึ้น ลดอัตราการร่วงของเส้นผม ช่วยให้เส้นผมมีความเงางามและดูมีน้ำหนัก และยังช่วยในเรื่องของการป้องกันการเกิดผมหงอกด้วย
- งาดำ สรรพคุณนั้น สามารถช่วยในการลดการดูดซึมและการสังเคราะห์คอเลสเตอรอล อีกทั้งยังช่วยในการเผาผลาญและสลายไขมัน งาดำจึงเหมาะสมกับการเป็นอาหารลดความอ้วนเป็นอย่างมาก
- งาดำสามารถช่วยกระตุ้นร่างกายให้เกิดการสร้างเม็ดเลือดขาวขึ้นมา ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ร่างกายนั้นมีภูมิคุ้มกันที่ดี ลดโอกาสการเกิดโรคไข้หวัดได้
- หากนำไปสกัดจนเป็นน้ำมันงาดำ จะสามารถช่วยในการบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อตามส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ ช่วยลดโอกาสการเกิดเหน็บชาและตะคริว ช่วยต้านการอักเสบจากโรคข้อเสื่อม ป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุน อีกทั้งยังสามารถนำมาเป็นยานวดร่วมกับสมุนไพรอื่นๆ สำหรับการรักษาเส้นเอ็นอักเสบอีกด้วย
- งาดำ สรรพคุณนั้นสามารถช่วยแก้อาการท้องผูกได้อย่างดี แต่ถ้าหากรับประทานงาดำในปริมาณที่มากจนเกินไป อาจทำให้เกิดอาการถ่ายท้องได้ ดังนั้นจึงควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะพอดี
เกร็ดสุขภาพ : วิธีแก้ปวดท้องท้องเสียนั้น คือ การดื่มน้ำชดเชยให้กับน้ำที่ร่างกายเสียไป โดยอาจเป็นน้ำดื่มสะอาดทั่วไปหรืออาจเป็นเครื่องดื่มทดแทนเกลือแร่ก็ได้ และควรเลือกรับประทานอาหารที่จะมาส่งผลกระทบต่อกระเพาะอาหารมากจนเกินไป นั่นคือ เลือกรับประทานอาหารที่มีปริมาณของโพแทสเซียม โซเดียม และกากใยอาหารที่สูง รวมไปถึงหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสชาติเผ็ด เปรี้ยว หลีกเลี่ยงอาหารประเภททอด นมและผลิตภัณฑ์จากนมต่างๆ และรวมไปถึงการหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มาคาเฟอีนเป็นส่วนผสมด้วย
เพียงเท่านี้ ทุกคนก็ได้ทราบแล้วว่างาดำมีประโยชน์อย่างไร เราจึงหวังว่าทุกคนจะริเริ่มนำงาดำมารับประทานร่วมกับในอาหารในแต่ละวันเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารจากงาดำ แต่ก็ควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะพอดี ไม่มากจนเกินและไม่น้อยจนเกินไป ขอให้ทุกคนมีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่แข็งแรงนะครับ
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : healthline.com, medthai.com
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ