“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
อาการโรคแพ้ภูมิตัวเอง เป็นอย่างไร ? เช็กตัวเองพร้อมรู้จักแนวทางรักษากัน !
โรคภูมิแพ้ตัวเอง หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในชื่อว่า โรคพุ่มพวง เป็นโรคเรื้อรังที่สามารถเกิดขึ้นกับใครก็ได้ และเกิดได้กับทุกเพศทุกวัยรวมถึงเด็กด้วย โดยเฉพาะผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์ที่มีอายุ 15 ถึง 44 ปี จะมีความเสี่ยงสูงสุดที่จะเป็นโรคเอสแอลอี หรือโรคภูมิแพ้ตัวเอง และผู้หญิงทุกวัยได้รับผลกระทบมากกว่าผู้ชาย เพราะฉะนั้น เพื่อการใส่ใจดูแลสุขภาพของเรา หากเคยรู้เกี่ยวกับโรคภูมิแพ้อากาศ สาเหตุที่เกิดกันไปแล้ว คราวนี้เรามารู้จักถึงโรคภูมิแพ้ตัวเองให้ดีขึ้นกว่าเดิมกันว่า อาการโรคแพ้ภูมิตัวเอง เป็นยังไง มีวิธีรักษาและดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง มาอัปเดตสุขภาพของตัวเราเองกันค่ะ
อาการโรคแพ้ภูมิตัวเอง มีอะไรบ้าง สังเกตตนเองเพื่อรู้เท่าทัน
Systemic Lupus Erythematosus (SLE) หรือ โรคภูมิแพ้ตัวเอง เป็นโรคเรื้อรังที่ทำให้เกิดอาการแพ้ภูมิตัวเองคือ การอักเสบในเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เช่น กระดูกอ่อนและเยื่อบุของหลอดเลือด ซึ่งให้ความแข็งแรงและความยืดหยุ่นแก่โครงสร้างทั่วร่างกาย การอักเสบที่เกิดจากโรคเอสแอลอีสามารถส่งผลกระทบต่อระบบต่างๆ ของร่างกาย เช่น ผิวหนัง ข้อต่อ เซลล์เม็ดเลือด สมอง ไต ปอด หัวใจ และระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งภูมิแพ้ตัวเอง อาการจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
เกร็ดสุขภาพ : เมื่อเวลาผ่านไปโรคภูมิแพ้ตัวเองอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนระยะยาวและสามารถสร้างความเสียหายในระบบต่างๆ ทั่วร่างกายได้ ซึ่งภาวะแทรกซ้อนที่เป็นไปได้อาจรวมถึงลิ่มเลือดและการอักเสบของหลอดเลือดหรือหลอดเลือดอักเสบ การอักเสบของหัวใจหรือเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ หัวใจวาย การอักเสบของเนื้อเยื่อปอดและเยื่อบุปอด มีปัญหาเรื่องความจำ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม มีอาการชัก ไตอักเสบ การทำงานของไตลดลง และไตล้มเหลว เป็นต้น
สาเหตุของโรคภูมิตัวเอง
ไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของโรคภูมิตัวเอง แต่มีปัจจัยหลายประการที่เกี่ยวข้องกับโรคนี้ ได้แก่
- พันธุศาสตร์ แม้ว่าโรคนี้ไม่ได้เชื่อมโยงกับยีนบางตัว และไม่ได้เป็นโรคทางพันธุกรรม แต่ผู้ที่เป็นโรคภูมิตัวเองมักมีสมาชิกในครอบครัวที่มีภาวะนี้ จึงทำให้เพิ่มความเสี่ยงได้
- สิ่งแวดล้อม ตัวกระตุ้นสิ่งแวดล้อมอาจรวมถึง รังสีอัลตราไวโอเลตจากแสงแดด ยาบางชนิด ไวรัส ความเครียดทางร่างกายหรืออารมณ์ และการบาดเจ็บ
- เพศและฮอร์โมน โรคภูมิแพ้ตัวเองจะส่งผลกระทบต่อผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ผู้หญิงอาจมีอาการแพ้ภูมิตัวเองที่รุนแรงขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์และมีประจำเดือน ทำให้แพทย์เชื่อว่าฮอร์โมนเอสโตรเจนเพศหญิงอาจมีบทบาทในการทำให้เกิดโรคภูมิตัวเองได้
อาการแพ้ภูมิตัวเอง
ภูมิแพ้ตัวเอง อาการจะคล้ายกับอีสุกอีใส อาการที่ว่าอาจปรากฏเป็นอาการเหนื่อยล้าอย่างรุนแรง รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่สบาย เป็นไข้ เบื่ออาหาร และน้ำหนักลด และส่วนใหญ่ยังมีอาการปวดข้อ ซึ่งมักส่งผลต่อข้อต่อเดียวกันทั้งสองด้านของร่างกาย ปวดกล้ามเนื้อและกล้ามเนื้ออ่อนแรงอีกด้วย นอกจากนี้ปัญหาผิวพบได้บ่อยในโรคเอสแอลอี ลักษณะเฉพาะคือผื่นแดงแบนๆ ตามแก้มและสันจมูก เรียกว่า ผื่นผีเสื้อ เนื่องจากรูปร่างและลักษณะ ซึ่งโดยทั่วไปจะไม่เจ็บหรือคัน มักปรากฏหรือเด่นชัดขึ้นเมื่อสัมผัสกับแสงแดด ส่วนปัญหาผิวอื่นๆ ที่อาจเป็นอาการแพ้ภูมิตัวเอง ได้แก่ แคลเซียมที่สะสมอยู่ใต้ผิวหนัง หลอดเลือดอักเสบในผิวหนัง และจุดสีแดงเล็กๆ ที่เรียกว่าพีเทเชีย เกิดจากการขาดแคลนเซลล์ที่เกี่ยวข้องกับการแข็งตัวของเลือด ซึ่งทำให้เลือดออกใต้ผิวหนังและอาจมีผมร่วง แผลพุพองในเยื่อบุที่ชื้นของปาก จมูก หรือที่อวัยวะเพศได้อีกด้วย
โรคภูมิแพ้ตัวเองรักษาอย่างไร
โดยปกติระบบภูมิคุ้มกันจะต่อสู้กับการติดเชื้อและแบคทีเรียที่เป็นอันตรายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง โรคแพ้ภูมิตัวเองเกิดขึ้นเมื่อระบบภูมิคุ้มกันโจมตีร่างกาย ซึ่งเป็นโรคเรื้อรังที่อาจมีอาการแย่ลงเป็นระยะสลับกับช่วงเวลาที่มีอาการไม่รุนแรง แต่ผู้ป่วยโรคเอสแอลอีส่วนใหญ่สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้ด้วยการรักษา และมีเป้าหมายของการรักษาคือการบรรเทาอาการ เนื่องจาก SLE เป็นภาวะเรื้อรัง จึงจำเป็นต้องรักษาและติดตามอย่างต่อเนื่อง การรักษาที่มีประสิทธิภาพช่วยให้การเกิดโรคต่ำหรือมีอาการที่ลดลงได้ และการรักษาอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการแพ้ภูมิตัวเองในแต่ละบุคคล แผนการรักษาจึงต้องปรับให้เหมาะสม ซึ่งการรักษาจะใช้วิธีดังต่อไปนี้
- ใช้ยาต้านการอักเสบสำหรับอาการปวดข้อและอาการตึง
- ใช้ครีมสเตียรอยด์สำหรับผดผื่น
- ใช้คอร์ติโคสเตียรอยด์เพื่อลดการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน
- ใช้ยาต้านมาเลเรียสำหรับปัญหาผิวหนังและข้อ
- ใช้ยาแก้โรคหรือสารกระตุ้นภูมิคุ้มกันสำหรับกรณีที่รุนแรงขึ้น
- ใช้ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) และยากดภูมิคุ้มกัน
เกร็ดสุขภาพ : โรคนี้สามารถรักษาได้แต่ต้องใช้เวลานานพอสมควร ต้องกินยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด และดูแลตนเองควบคู่เพื่อไม่ให้ภูมิแพ้ตัวเอง อาการหนักขึ้นจากเดิม เช่น การกินหรือหลีกเลี่ยงอาหารบางชนิด และลดความเครียด จะช่วยลดโอกาสในการเกิดอาการแพ้ภูมิตัวเองได้ ควรอยู่ในสถานที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก พยายามหลีกเลี่ยงการถูกแสงแดด พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
เราได้รู้จักอาการแพ้ภูมิตัวเองกันไปแล้ว รวมถึงแนวทางในการรักษาและดูแลตัวเอง ลองสำรวจตัวเองกันดูนะคะว่าเรามีความเสี่ยงหรือมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายอะไรบ้างที่อาจเป็นโรคแอสแอลอีได้ เพื่อที่จะได้รู้เท่าทันและทำการรักษาได้ทันท่วงที เพราะผู้ที่เป็นโรคเอสแอลอีอาการมักจะค่อยๆ แย่ลงเมื่อเวลาผ่านไป ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออวัยวะสำคัญของร่างกายจนอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ค่ะ
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : bangkokhospital.com, cdc.gov, medlineplus.gov, healthline.com
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ