“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
ตับแข็งรักษาหายไหม ? โรคนี้เกิดจากอะไร มีวิธีป้องกันยังไงไม่ให้เป็นโรคนี้ !
เรามักจะเคยได้ยินกันว่า หากดื่มแอลกอฮอล์จัดอาจทำให้เป็นโรคตับแข็งได้ และนั่นเป็นข้อเท็จจริง ทั้งยังเป็นหนึ่งในสาเหตุของโรคตับแข็งที่สำคัญ แต่สำหรับผู้ที่ไม่ได้ดื่มเหล้าก็สามารถเป็นโรคตับแข็งได้ เพราะยังมีสาเหตุอื่นๆ ในการเกิดโรค และสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนเช่นเดียวกับโทษของการนอนดึก เพื่อรู้จักโรคนี้ให้ดียิ่งขึ้น บทความนี้จะบอกถึงโรค ตับแข็งรักษาหายไหม เกิดจากอะไร พร้อมให้ความรู้ว่าตับแข็งมีกี่ระยะ และวิธีป้องกันด้วยค่ะ
ตับแข็งรักษาหายไหม เกิดจากอะไรได้บ้าง ทำไมคนไม่กินเหล้าถึงมีโอกาสเป็น ?
โรคตับแข็งเป็นผลมาจากโรคตับระยะสุดท้ายและภาวะแทรกซ้อน ซึ่งอาจไม่มีอาการในระยะเริ่มแรกของโรค สาเหตุที่พบบ่อย ได้แก่ โรคพิษสุราเรื้อรัง โรคตับอักเสบ และโรคไขมันพอกตับที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ทุกครั้งที่ตับของคุณได้รับบาดเจ็บ ไม่ว่าจะด้วยโรคภัย การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป หรือสาเหตุอื่น ตับจะพยายามซ่อมแซมตัวเองในกระบวนการสร้างเนื้อเยื่อแผลเป็น เมื่อโรคตับแข็งดำเนินไป เนื้อเยื่อแผลเป็นจะก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ตับทำงานได้ยาก และได้รับความเสียหายอย่างถาวร ซึ่งโรคตับแข็งมีกี่ระยะนั้น โรคตับแข็งมี 4 ระยะด้วยกัน และโรคตับแข็งระยะสุดท้ายจะเป็นอันตรายถึงชีวิต ส่วนโรคตับแข็งรักษาหายไหมนั้น เรามีคำตอบในบทความนี้ค่ะ
เกร็ดสุขภาพ : อาการของโรคตับแข็งนั้นขึ้นอยู่กับระยะของโรค ในระยะเริ่มต้นอาจไม่มีอาการใดๆ หรืออาจมีอาการและสัญญาณของโรคตับแข็งในระยะแรกคือ รู้สึกอ่อนแอหรือเหนื่อย คลื่นไส้ และมีไข้
โรคตับแข็งสาเหตุเกิดจากอะไร ใครบ้างที่เสี่ยง ?
โรคตับแข็งมักส่งผลกระทบต่อผู้ใหญ่ และคนที่มีอายุระหว่าง 45-54 ปี เป็นกลุ่มอายุที่ได้รับผลกระทบจากโรคตับแข็งมากที่สุด และโรคตับแข็งเป็นหนึ่งในโรคที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งคนที่มีความเสี่ยงและมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคตับแข็งได้มากขึ้นนั้น ได้แก่
1. คนที่ดื่มแอลกอฮอล์มานานหลายปี
เพราะการดื่มเหล้าปริมาณมากเป็นเวลานานๆ มากกว่า 10 ปีขึ้นไป จะทำให้เกิดตับแข็งได้ แอลกอฮอล์จะไปยับยั้งการย่อยสลายของโปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรต ทำให้เกิดอันตรายต่อตับ โดยปริมาณการดื่มที่เสี่ยงคือ สำหรับผู้หญิงที่มีปริมาณการดื่ม 2-3 ครั้งต่อวัน และผู้ชายที่มีปริมาณการดื่ม 3-4 ครั้งต่อวัน
2. เป็นไวรัสตับอักเสบ
การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ B เป็นการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบที่พบบ่อยที่สุด และการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ C จะทำให้ตับบาดเจ็บทีละน้อย จนกระทั่งเกิดภาวะตับแข็งในที่สุด
3. ไขมันสะสมในตับ
ภาวะที่ไขมันเข้าไปแทรกอยู่ในเนื้อตับ และเกิดการสะสมเป็นจำนวนมากนั้น จะทำให้เซลล์เกิดเป็นแผลเป็นได้ ซึ่งการมีไขมันสะสมในตับมากจนเกินไปมีความสัมพันธ์กับโรคเบาหวาน โรคอ้วน หัวใจขาดเลือด และการใช้ยาสเตรียรอยด์
4. ปัจจัยอื่นๆ
มีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจทำให้มีความเสี่ยงในการเป็นโรคตับแข็งได้ เช่น การฉีดยาโดยใช้เข็มร่วมกัน การใช้ยาเป็นระยะเวลานานเกินไปโดยไม่จำเป็น การกินอาหารที่ไม่สะอาดมีตัวพยาธิ รวมถึงการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการป้องกัน
เกร็ดสุขภาพ : การจะวินิจฉัยว่าเป็นโรคตับแข็งหรือไม่นั้น แพทย์จะทำการซักประวัติอาการอย่างละเอียด มีการตรวจเลือด และตรวจอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) การตรวจอัลตราซาวด์ และการตรวจตับและม้ามด้วยรังสี และนำเอาตัวอย่างจากเนื้อตับส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การรักษา ตับแข็งรักษาหายไหม ?
ตับแข็งมีกี่ระยะนั้น ตับแข็งมี 4 ระยะ และโรคตับแข็งระยะ 4 ก็เป็นอันตรายถึงชีวิต ซึ่งตับแข็งรักษาหายไหมนั้น การรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุของโรค และความเสียหายที่มีอยู่มากน้อยเพียงใด ซึ่งความเสียหายของตับที่เกิดจากโรคตับแข็งโดยทั่วไปหากได้รับการวินิจฉัยตั้งแต่เนิ่นๆ และได้รับการรักษา ก็สามารถรักษาได้เช่นเดียวกันแม้ว่าจะไม่หายขาด แต่ก็ทำให้สุขภาพดีขึ้น และต้องใช้ความอดทน รวมทั้งวินัยและการเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิต
โรคตับแข็งเป็นอันตรายถึงชีวิตหรือไม่ ? รักษาอย่างไร ?
การถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคตับแข็งไม่ได้หมายความว่าคุณจะเสียชีวิตทันที เพราะในขณะที่โรคตับแข็งยังคงมีอยู่ จะทำให้เกิดแผลเป็นมากขึ้นและการทำงานของตับลดลงอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดภาวะตับล้มเหลวอาจกลายเป็นภาวะที่คุกคามถึงชีวิตได้หากคุณอยู่ในระยะที่ 4 ซึ่งตับแข็งรักษาหายไหมนั้น การรักษาโรคตับแข็งขึ้นอยู่กับสาเหตุ โรคตับแข็งมักจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่มีวิธีจัดการกับอาการและภาวะแทรกซ้อนต่างๆ และหยุดอาการให้แย่ลงได้ โดยแพทย์จะรักษาด้วยการใช้ยาประเภทต่างๆ แต่ถ้าตับเสียหายมากหรือมีโรคแทรกซ้อนเกิดขึ้น แพทย์อาจใช้การรักษาด้วยการผ่าตัดปลูกถ่ายตับหรือเปลี่ยนตับ ซึ่งมีอัตราความสำเร็จถึง 80-90%
ดูแลตนเองอย่างไรเมื่อเป็นโรคตับแข็ง
ตับแข็งรักษาหายไหม แม้ว่าจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่การดูแลตนเองด้วยการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต ก็จะช่วยให้อาการต่างๆ ของโรคดีขึ้น และลดโอกาสที่จะเกิดปัญหาและภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ได้ ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- งดดื่มแอลกอฮอล์
- เลิกสูบบุหรี่
- ลดน้ำหนักหากคุณน้ำหนักเกินหรืออ้วน
- ออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อลดการสูญเสียกล้ามเนื้อ
- ปฏิบัติตามสุขอนามัยที่ดีเพื่อลดโอกาสในการติดเชื้อ
- ปรับเปลี่ยนอาหารการกินให้เหมาะสม เพราะภาวะ ทุพโภชนาการเป็นเรื่องปกติในผู้ที่เป็นโรคตับแข็ง ดังนั้น การกินอาหารที่สมดุลและดีต่อสุขภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อช่วยให้คุณได้รับสารอาหารทั้งหมดที่คุณต้องการ
- กินของว่างเพื่อสุขภาพระหว่างมื้อ หรือกินอาหารมื้อเล็ก 3 หรือ 4 มื้อในแต่ละวัน แทนที่จะเป็น 1 หรือ 2 มื้อใหญ่
ป้องกันและดูแลตนเองอย่างไรให้ห่างไกลตับแข็ง
เราได้รู้กันไปแล้วว่าตับแข็งรักษาหายไหม คราวนี้เรามารู้ถึงวิธีป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคตับแข็งกันบ้างดีกว่า โดยทำตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อดูแลตับของคุณ
- หากคุณเป็นโรคตับ ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- กินอาหารเพื่อสุขภาพ เลือกอาหารที่มีพืชเป็นหลักซึ่งเต็มไปด้วยผักและผลไม้ รวมถึงอาหารวิตามินซีสูง เลือกธัญพืชไม่ขัดสีและแหล่งโปรตีนที่ไม่ติดมัน ลดปริมาณไขมันและอาหารทอด
- รักษาน้ำหนักตัวให้แข็งแรง เพราะไขมันในร่างกายมากเกินไปสามารถทำลายตับของคุณได้ หากคุณเป็นโรคอ้วนหรือมีน้ำหนักเกิน ควรลดน้ำหนักลง
- ลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคตับอักเสบ โดยการไม่ใช้เข็มร่วมกันและหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์โดยที่ไม่มีการป้องกัน เพราะสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคตับอักเสบ B และ C ได้
โรคตับแข็งเป็นโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แม้ไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์ เพราะมีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่างที่ทำให้เกิดโรคได้ และตับแข็งรักษาหายไหมนั้น ตับแข็งสามารถรักษาตามอาการได้ และลดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่จะทำให้โรคแย่ลง แต่ไม่สามารถรักษาให้หายขาด หรือทำให้ตับกลับมาเหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม การดูแลตนเองก็จะช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้ และสำหรับคนที่ไม่ได้ป่วยเป็นตับแข็ง ก็อย่าลืมดูแลและป้องกันตนเองให้ห่างไกลจากโรคตับแข็ง และอย่าลืมกินเมนูอาหารที่มีวิตามินซีสูงกันด้วยนะคะ
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : mayoclinic.org, medicinenet.com, phyathai.com, my.clevelandclinic.org
Featured Image Credit : freepik.com/user15327819
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ